นายกฯ แจงข้อกังขาปมดิจิทัลวอลเล็ต ยันช่วยกระตุ้นกำลังซื้อในระบบศก.

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เป็นวันที่สอง โดยกล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านยังมีข้อกังขาต่อการใช้งบฯ สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า ได้ชี้แจงไปครบถ้วนแล้ว แต่คิดว่าคงเป็นข้อกังขาในประเด็นที่ว่าดิจิทัลวอลเล็ต จะเข้ามาช่วยเศรษฐกิจได้อย่างไร

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า เงินจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะเป็นเงินใหม่ที่ใส่เข้าไปในระบบประมาณ 5 แสนล้านบาท เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจระดับภูมิภาค เพราะรัฐบาลจำกัดให้ใช้ในพื้นที่ตามบัตรประชาชน ภายในระยะเวลาจำกัดที่ 6 เดือน ซึ่งหากเราทราบวันที่แน่นอนที่จะมีเงินจากดิจิทัลวอลเล็ตออกมา ก็เชื่อว่าภาคอุตสาหกรรม และ SME ทั้งหลาย จะเร่งการผลิตเพื่อรองรับกำลังซื้อในส่วนนี้ ซึ่งจะเห็นภาพของการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ชัดเจนขึ้น

ส่วนที่ถูกมองว่าหนี้สาธารณะก้อนโตหลังจากปี 2570 จะเป็นภาระของรัฐบาลชุดต่อไปนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้จะต้องมีการทำให้สมดุล ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว ซึ่งการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ก่อนที่นโยบายอื่น ๆ จะเริ่มออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งการลงทุนข้ามชาติ จากการจ้างงาน ยกระดับอุตสาหกรรมไทยขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง และระหว่างนี้หากมีโครงการดิจิทัลวอลเล็ตมาช่วย ก็จะทำให้การลงทุนจากต่างประเทศ และ GDP โตขึ้น

นายกฯ กล่าวถึงกรณีที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ มองว่าดิจิทัลวอลเล็ตไม่ควรหว่านแจกให้ประชาชนทั้งหมด เพราะเป็นเรื่องไม่จำเป็นนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวเพียงว่า เป็นความเห็นต่างที่จะต้องพูดคุยกันต่อไป

ส่วนความเป็นห่วงต่อเงินดิจิทัล ที่จะใช้เงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และยังไม่ได้สอบถามคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเกรงว่าจะไม่ทันวันที่ 1 ต.ค.นั้น นายกรัฐมนตรี เชื่อว่า กระทรวงการคลังมีไทม์ไลน์ที่ชัดเจน และคงจะดำเนินการต่อไป

ส่วนการอภิปรายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ระบุว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 68 อาจจะผ่านวาระ 1 แต่วาระ 3 ที่มีเวลาพิจารณา 105 วัน อาจมีการเปลี่ยนแปลงและอาจไปถึงศาลรัฐธรรมนูญนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีความกังวล แต่ก็ต้องให้เกียรติทุกคน โดยเฉพาะฝ่ายนิติบัญญัติที่มีความไม่สบายใจ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องตอบคำถามต่อไป ส่วนเรื่องจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหรือไม่ ก็ต้องว่าไปตามกลไกนั้น รัฐบาลมีหน้าที่ต้องตอบ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 มิ.ย. 67)

Tags: , ,
Back to Top