“จุรินทร์” อัดงบปี 68 เป็นลูกเป็ดขี้เหร่ ขาดดุล-กู้สูงเป็นประวัติการณ์

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปีงบประมาณ 2568 ว่า ถือเป็นงบประมาณฉบับที่ 2 ของรัฐบาลชุดนี้ โดยภาพรวมงบประมาณปี 68 มีทั้ง “ขี้หกและขี้เหร่” เปรียบได้ว่าอิเหนาทำเอง 100% ไม่ได้มีฐานรากจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมา และบรรจุนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตไว้ในงบกลางด้วย

งบปี 68 “ขี้หกและขี้เหร่”

“ที่บอกว่างบ 68 ขี้หก เพราะในการพิจารณางบประมาณปี 67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัญญาที่สภาตอนพิจารณาวาระ 1 ว่า ต่อไปจะทำ 4 เพิ่มกับ 1 ลด เช่น จะเพิ่มรายได้ให้กับประเทศ และจะลดการขาดดุลงบประมาณลงมา เป็นต้น แต่พอดูในรายละเอียดกลายเป็นละครคนละซีรี่ย์ เหมือนเห็นสภาเป็นศาลาโกหก” นายจุรินทร์ กล่าว

ส่วนความขี้เหร่ของงบประมาณปี 68 ประกอบด้วย

1.ขี้เหร่ด้านรายได้สุทธิจาก 80.1% ของวงเงินงบประมาณ 67 เหลือ 76.9% ของวงเงินงบประมาณ 67 โดยเฉพาะประสิทธิภาพการเก็บรายได้ตั้งแต่เดือน ต.ค.66 -เม.ย.67 นั้นต่ำกว่าเป้า 39,000 ล้านบาท

2.ขี้เหร่เรื่องขาดดุลงบประมาณ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเคยให้สัญญาว่า จะลดการดุลงบประมาณในปี 68 แต่ปรากฏว่า ในงบปี 68 กลับเพิ่มการขาดดุลงบประมาณวงเงิน 865,700ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 67 ถึง 24.9% หรือเพิ่มขึ้น 1 ใน 4 ของวงเงินงบประมาณทั้งหมด และงบประมาณ 68 ขาดดุลมากสุดในประวัติศาสตร์ คือ ขาดดุลมาถึง 4.42% ของจีดีพีประเทศ เกือบชนเพดานวินัยการเงินการคลัง

“ที่ขี้เหร่ของความขี้เหร่คือ ภายใต้รัฐบาลนี้ ถ้าอยู่ครบวาระ 4 ปี ยังคิดจัดงบประมาณขาดดุลต่อไป ตลอดอายุรัฐบาลนี้จะส่งผลให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นตลอด 4 ปีสูงไปเรื่อย ๆ” นายจุรินทร์ กล่าว

3.ขี้เหร่เรื่องการกู้เงิน ซึ่งงบปี 67-68 รัฐบาลต้องกู้มาชดเชยการขาดดุลรวม 1.5 ล้านล้านบาท ซึ่งมีงบประมาณโครงการดิจิทัลวอลเล็ตในงบ 68 วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท โดยยังเหลือที่ต้องกู้มาแจกเพิ่มอีกประมาณ 3.5 แสนล้านบาท (งบดิจิทัลวอลเล็ต 5 แสนล้านบาท) ถ้ารวมงบขาดดุล 2 ปี สุดท้ายรัฐบาลนี้จะก่อหนี้ 1.9 ล้านล้านบาท

“ปีที่แล้ว ผมเรียนท่านประธานว่า นายกฯ เป็นนักกู้ถุงเท้าสีชมพู ปีนี้เห็นทีต้องให้เป็นนักกู้ผ้าขาวม้าพันคอ ยังกู้หนักเหมือนเดิม และกู้หนักกว่าเดิม” นายจุรินทร์ กล่าว

ในปี 68 ตั้งงบประมาณใช้หนี้เงินต้นไว้เพียง 1.51 แสนล้านบาท ไม่ถึง 10% ของหนี้ที่ก่อ เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง เพราะจะกลายเป็นภาระของประเทศต่อไป

4.ขี้เหร่เรื่องการตั้งตัวเลขจีดีพีสูงเกินจริง ในเอกสารงบปี 68 กลับปรากฏตัวเลขจีดีพีปี 67 โต 4.1% แต่การประเมินจีดีพีของทุกหน่วยงานประมาณการณ์ปี 67 ไม่เกิน 2.5% และจีดีพี 68 ในเอกสารระบุว่าโต 4.9% ซึ่งเอาฐานสูงเกินจริงมาคำนวณจีดีพีปี 68 สุดท้ายกลายเป็นจีดีพีฟองสบู่ และการประเมินจีดีพีของทุกหน่วยงานประมาณการณ์ปี 68 ไม่เกิน 3%

5.ขี้เหร่เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต จากนโยบายเรือธงกลายเป็นนโยบายเรือเกลือ เพราะสัญญาจะทำทันทีแต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ได้ดำเนินการ และจากสัญญาที่รัฐบาลให้ไว้ล่าสุด คือ เริ่มแจกในเดือน ต.ค.67 แจกรวดเดียว 5 แสนล้านบาท และเงินมาจาก 3 แหล่ง ทั้งจากงบ 67 วงเงิน 1.75 แสนล้านบาท, งบ 68 วงเงิน 1.52 แสนล้านบาท และเงินกู้ ธ.ก.ส.วงเงิน 1.72 แสนล้านบาท ซึ่งอยากตั้งคำถามว่า ณ ตอนนี้รัฐบาลยังไม่มีเงินที่ใช้ในโครงการใช่หรือไม่

งบโครงการดิจิทัลวอลเล็ตในส่วนงบ 67 ที่ ครม.อนุมัติเพิ่มเติมไว้ 1.22 แสนล้านบาท แต่ยังขาดงบอีก 53,000 ล้านบาท จะนำงบประมาณมาจากไหน มีคนตั้งข้อสังเกตุว่า สุดท้ายจะเอาเงิน 53,000 ล้านบาท มาจากงบฉุกเฉินปี 67 ที่ตั้งไว้ 99,500 ล้านบาท และพบพิรุธว่ามีการเบิกจ่ายงบฉุกเฉินปี 67 ต่ำมาก แค่หลักพันล้านบาท แสดงว่า เป็นความตั้งใจหรือไม่ ไม่ยอมให้ใช้งบฉุกเฉิน เพื่อจะได้เหลือเงินมาก และนำมาใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และหากทำแบบนี้จริง รัฐบาลนี้ถือว่าใจดำมาก เพราะจะทำให้จีดีพี 67 โตต่ำเตี้ยลงไปอีก

นายจุรินทร์ กล่าวว่า มีนักวิชาการตั้งข้อสังเกตว่า เงินธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เอามาแจกไม่ได้ เพราะอาจผิดกฏหมายและเงิน ธ.ก.ส.มีไว้ดูแลเกษตรกรเท่านั้น และขณะนี้รัฐบาลยังไม่ได้ถามไปยังกฤษฏีกาว่า เงินจาก ธ.ก.ส.ใช้ได้หรือไม่ ผิดกฏหมายหรือไม่ และกลับมาของบ 68 ก่อน เหมือนตั้งใจมาลักไก่กับสภาต่อหน้าประชาชน แล้วหากสภาอนุมัติวันนี้ แล้วไปถามกฤษฏีกาตอนหลัง แล้วหากกฤษฏีกาบอกว่า ใช้ไม่ได้ สุดท้ายก็กลายเป็นว่า กู้มาแจกไม่ได้

“งบ 68 เหมือนงบเป็ดขี้เหร่ ทั้งหลอกสภา ทั้งทำสัดส่วนรายได้สุทธิน้อยกว่าเดิม ทั้งทำงบขาดดุลมากสุดในประวัติศาสตร์ ทั้งจะกู้มากขึ้นตลอดอายุรัฐบาล ทั้งวาดฝันจีดีพีฟองสบู่ ทั้งลักไก่งบกู้มาแจก ขอเงินเป็นแสนล้านทั้งไม่ถามกฤษฏีกาสักคำว่า ทำได้หรือไม่” นายจุรินทร์ กล่าว

รัฐบาลสามหวย

นอกจากการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ลดภาระหนี้สินยังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่รัฐบาลชุดนี้กำลังซ้ำเติมประชาชนอีกด้วยนโยบายบาป ทั้งหวย และบ่อน เช่น หวย 3 ประเภท ลอตเตอรี่ หวยเกษียณ หวยสามตัวหรือ N3 จากที่ตนลงพื้นที่พบประชาชนสะท้อนว่า ขอตั้งชื่อให้รัฐบาลนี้ว่า “รัฐบาลสามหวย” และเป็นห่วงเรื่องหัว 3 ตัวจะกลายเป็นการซ้ำเติมประชาชน เพราะอาจจะมีคนที่ถูกหวยไม่กี่คน สุดท้ายที่เหลือจนหมด จึงอยากให้รัฐบาลกลับไปทบทวนและหาแนวทางเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนในด้านอื่น

นายจุรินทร์ ตั้งคำถามถึงรัฐบาลในฐานะคุมเสียงข้างมากในรัฐสภาว่า 1.รัฐบาลมีนโยบายจะเสนอหรือสนับสนุนนิรโทษกรรมหรือไม่ 2.รัฐบาลจะสนับสนุนการนิรโทษกรรมที่รวมคดีทุจริต ความผิดตามมาตรา 157 และ 3.จะรวมคดีมาตรา 112 หรือไม่ ซึ่งที่ตนถามเพราะเป็นห่วงว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะเปลี่ยนจากนิรโทษกรรมเพื่อความปรองดอง จะเปลี่ยนเป็นนิรโทษกรรมอำพรางหรือไม่

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 มิ.ย. 67)

Tags: , , , , ,
Back to Top