ดูทรงตลาดหุ้นไทยปี 67 ส่อแววจะปรับลงติดต่อเป็นปีที่ 2 หลังจากปี 66 ติดลบไปราว 15% โดยเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ดัชนี SET หลุด 1,300 จุดไปปิดที่ 1,296.59 จุด และระหว่างวันลงไปแตะจุดต่ำสุดที่ 1,288.58 จุดโลว์สุดในรอบกว่า 4 ปี หรือกลับไปมีสภาพแย่เหมือนช่วงสถานการณ์โควิด ตั้งแต่ต้นปี 67 (Year to Date) ติดลบไปแล้วถึง -8.42% ส่วนหนทางจะฟื้นอย่างที่ใครหลายคนตั้งความหวังก็ยังมีขวากหนามข้างหน้ารออยู่อีกมาก
และแน่นอนว่า กองทุนหุ้นไทยขาดทุนยับ โดยเฉพาะกองทุนหุ้นระยะยาว Wealth Me Please EP นี้ชวนมาพูดคุยกับนายเจษฎา สุขทิศ CEO และ Co-founder Finnomena Group ซึ่งชี้ให้เห็นว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนตั้งแต่ 10 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันแทบไม่ได้เติบโต กำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ 100 บาท/หุ้นก็แทบไม่ขยับ เนื่องมาจากเศรษฐกิจไทยเติบโตช้า และยังไม่มีอุตสาหกรรม S-Curve ใหม่เข้ามาหนุน นี่ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยไปไหนไม่ไกลเหมือนตลาดหุ้นอื่น และก็ดูท่าจะติดอันดับตลาดที่ให้ผลตอบแทนต่ำสุดอีกปี
ดังนั้น เมื่อการลงทุนไม่ได้เป็นอย่างที่เราคาดหวัง จะมีวิธีแก้ไขพอร์ตให้การขาดทุนน้อยลง หรือกลับมาทำกำไรได้อย่างไร? นายเจษฎา แนะใช้กลยุทธ์ปรับพอร์ตโยกเงินออกมาแล้วเลือกใส่เข้าไปลงทุนตลาดหุ้นอื่นที่มีอัตราการเติบโตดี เพื่อกระจายความเสี่ยงไปตามสัดส่วนของตลาดหุ้นโลก ดังนี้ สหรัฐ 50% ยุโรป 15% จีน 15% และ ตลาด Emerging Market 20% หรือลงทุนกลุ่มธุรกิจที่เติบโตโดดเด่นดูบ้าง อาทิ กลุ่ม AI เป็นต้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 มิ.ย. 67)
Tags: SCOOP, WealthMePlease, กองทุน, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย