CGSI ลดคำแนะนำกลุ่มแบงก์เหลือแค่ Neutral คาด NIM หด-NPL สูงขึ้น-การเมืองวุ่น

บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นเนล (ประเทศไทย) (CGSI) ปรับลดคำแนะนำกลุ่มธนาคารเป็น Neutral เพราะคาดว่ากำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองฯ (PPOP) จะเติบโตชะลอตัวในปี 67-69, ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย, สินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคมีอัตราส่วน NPL สูงขึ้นและความวุ่นวายทางการเมือง โดยยังแนะนำ “ซื้อ” BBL และ KBANK ซึ่งเป็นหุ้น Top pick ขณะที่ลดคำแนะนำ KTB, SCB และ TTB จาก “ซื้อ” เป็น “ถือ” เพราะกังวลกับคุณภาพสินทรัพย์ของสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค

CGSI คาดว่าสินเชื่อของกลุ่มแบงก์จะขยายตัวสูงขึ้น แต่ NIM จะลดลงในปี 67 โดยคาดว่าสินเชื่อของกลุ่มแบงก์จะขยายตัวสูงขึ้นในอัตรา 3.2-3.3% ในปี 67-68 จาก 0% ในปีที่แล้ว นำโดยกลุ่มสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อ SME เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและทำธุรกิจในต่างประเทศ

ขณะเดียวกัน เราเชื่อว่าสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคจะเติบโตช้ากว่าจากปัญหานี้ครัวเรือนสูง, การที่ธนาคารเพิ่มความเข้มงวดของหลักเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อ รวมทั้ง NPL ที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ เชื่อว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารจะเติบโตลดลงเหลือ 0.2-3.5% ในปี 27-29 เมื่อเทียบกับ 12.6-18.1% ในปี 65-66 เพราะเราคาดว่าต้นทุนดอกเบี้ยจะสูงขึ้นและจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายใน H2/67

สินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยมีอัตราการเกิด NPL ใหม่สูงขึ้น แม้ว่าธนาคารมีความเข้มงวดมากขึ้นในการพิจารณาสินเชื่อให้กับลูกค้า SME และมีการปล่อยกู้ให้กับลูกค้ากลุ่มนี้น้อยลงตั้งแต่ปี 60 แต่เรากังวลกับคุณภาพสินทรัพย์ของสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคมากขึ้นเนื่องจากในปี 66 อัตราส่วน NPL ของผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคทุกกลุ่มเพิ่มสูงขึ้น yoy ขณะที่ใน Q1/67 เราพบว่าอัตราส่วน NPL ของสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยพุ่งสูงถึง 102bp yoy และ 33bp yoy ตามลำดับ และเราคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 40-50bp yoy ในปี 67 ทั้งนี้กลุ่มธนาคารมีอัตราการเกิด NPL ใหม่ใน Q1/67 สูงกว่าค่าเฉลี่ยรายไตรมาสใน Q1/63-Q4/66

ปรับประมาณการและราคาเป้าหมาย เราปรับประมาณการกำไรในปี 67-68 ของ BBL, KBANK และ TTB ขึ้น 3.8-16.2% แต่ปรับของ KTB และ SCB ลง 9.5-20.0% พร้อมทั้งนำเสนอตัวเลขประมาณการในปี 69 ในบทวิเคราะห์ฉบับนี้ นอกจากนี้ เราปรับเพิ่มราคาเป้าหมายตามวิธี GGM (Gordon Growth Model) ของ KBANK จาก 168 บาทเป็น 178 บาทและ TTB จาก 1.44 บาทเป็น 1.65 บาท ขณะที่ปรับลดราคาเป้าหมายของ BBL จาก 193 บาทเป็น 183 บาท, KTB จาก 22.30 บาทเป็น 17.30 บาทและ SCB จาก 145 บาทเป็น 100 บาท

สำหรับคำแนะนำ เรายังแนะนำ “ซื้อ” BBL และ KBANK แต่ปรับลดคำแนะนำของ KTB, SCB และ TTB จาก “ซื้อ” เป็น “ถือ” ปัจจุบัน กลุ่มธนาคารซื้อขายอยู่ที่ P/BV 0.6x ในปี 2024 หรือ -1SD ของค่าเฉลี่ยสิบปี อีกทั้งมีสัดส่วนการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างชาติต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 2005 ที่ 41.4% ณ วันที่ 24 พ.ค. 2024 เทียบกับสถิติสูงสุดที่ 61% ในเดือนพ.ย. 2017

ปรับลดจาก Overweight เป็น Neutral; Top pick คือ BBL และ KBANK เนื่องจากธนาคารทั้งสองแห่งมีสัดส่วนสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคน้อยกว่าและยังมีงบดุลแข็งแกร่ง ขณะที่ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มธนาคารภายใต้สมมติฐานที่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้, กลุ่มสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคมี NPL สูงขึ้นและกำไรก่อนตั้งสำรอง (PPOP) เติบโตต่ำในปี 2024-25 อย่างไรก็ตาม กลุ่มธนาคารจะมี upside risk หากการบริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้น, การส่งออกเติบโตดีขึ้นและรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ ส่วน downside risk จะมาจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ลดลงและความวุ่นวายทางการเมืองในไทย

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 มิ.ย. 67)

Tags: , , , , ,
Back to Top