ปธ.ตลท.ยัน ผจก.ใหม่ไม่เกี่ยวข้องเคส STARK มอบงานแรกฟื้นเชื่อมั่น-หนุนสั่ง บจ.ทำแผน 3 ปี

ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า การคัดเลือกนายอัสสเดช คงสิริ เป็นผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ คนที่ 14 ยืนยันว่ามีความโปร่งใส มีความน่าเชื่อถือของกระบวนการคัดเลือก จากกรรมการคัดเลือกทั้งหมด 10 คน

พร้อมยืนยันว่า นายอัสสเดช ไม่ได้เกี่ยวข้องกับมีส่วนเกี่ยวข้องการตรวจสอบบัญชีของ บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) ตามข่าวต่างๆที่ออกมา แม้ว่าจะทำงานเป็นหัวหน้าทีมที่ปรึกษาการเงินของ Deloitte Thailand ซึ่งอยู่ในเครือเดียวกับบริษัทที่ตรวจสอบบัญชี STARK คือ บริษัท ดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ สอบบัญชี จำกัด แต่นายอัสสเดช เข้ามาเริ่มงานกับ Deloitte Thailand ในปี 65 หลังจาก STARK เปลี่ยนผู้สอบบัญชีในปี 64 จึงมั่นใจได้ว่านายอัสสเดช ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบ STARK แต่อย่างใด

และแม้ว่าจะเคยร่วมงานกับ นายอัสสเดช สมับที่เข้าไปทำแผนฟื้นฟู บมจ.การบินไทย (THAI) แต่ในฐานะของประธานกรรมการ ตลท. ซึ่งเป็นเพียง 1 ใน 10 ของคณะกรรมการคัดเลือกผู้จัดการ ตลท.คนใหม่ ไม่สามารถไปบังคับกรรมการอีก 9 คนได้ แต่นายอัสสเดช สามารถนำเสนอวิสัยทัศน์ที่ดี และเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ด้านตลาดเงิน ตลาดทุน และมีประสบการณ์ทำงานในองค์กรระดับโลก ทำให้คณะกรรมการคัดเลือกตัดสินใจเลือก นายอัสสเดช มาดำรงตำแหน่งเป็นผู้จัดการ ตลท.คนที่ 14 ที่จะนำพาตลาดหุ้นไทยให้สามารถก้าวหน้าและเติบโตขึ้น

“ผมเคลียร์ประเด็นข่าวลือต่าง ๆ เกี่ยวกับ STARK ที่เกี่ยวข้องกับคุณอัสสเดช ไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย มีการนำเสนอข้อมูลที่ผิดพลาดไปจากสื่อออนไลน์ต่างๆ ซึ่งอยากให้ทุกคนพิจารณาข้อมูลดี ๆ เช็คให้ชัวร์ก่อนแชร์ การคัดเลือกผู้จัดการตลาดฯ ก็ยืนยันว่ามีความโปร่งใส เลือกจากประสบการณ์ ความสามารถ และ Vision ที่เขานำเสนอมามีความน่าสนใจ ก็อยากให้ทุกคนมั่นใจ ซึ่งตลาดหุ้นตกในวันนี้คงไม่เกี่ยวข้องกับผู้จัดการตลาดฯคนใหม่ อาจเป็นเรื่องการเมืองมากกว่า” ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ กล่าว

สำหรับโจทย์แรกที่ฝากการบ้านให้กับ นายอัสสเดช ในฐานะผู้จัดการ ตลท.คนที่ 14 คือ การฟื้นความเชื่อมั่นให้กับตลาดทุนไทย ซึ่งเป็นโจทย์ที่สำคัญที่จะผลักดันตลาดทุนไทยให้ฟื้นกลับมา รวมถึงแผนงานในการดูแลนักลงทุนรายย่อย ซึ่งเป็นกลุ่มนักลงทุนที่มีความสำคัญต่อตลาดหุ้นไทย ประกอบกับ การสร้างจุดขายให้กับตลาดหุ้นไทย ทำให้นักลงทุนทั่วโลกหันกลับมาสนใจตลาดหุ้นไทยมากขึ้น

ขณะเดียวกันมีหนึ่งวิสัยทัศน์ของ นายอัสสเดช ที่นำเสนอต่อคณะกรรมการคัดเลือก ซึ่งมองว่ามีความน่าสนใจ เช่น การนำเสนอให้บริษัทจดทะเบียนจัดทำแผนการดำเนินงาน 3 ปี ส่งมาให้กับทาง ตลท.เพื่อทำให้มีข้อมูลในระยะกลางของ บจ.เผยแพร่ให้กับนักลงทุน จากปัจจุบันที่ข้อมูลที่ บจ.ส่งมาส่วนใหญ่เป็นข้อมูลปัจจุบัน อาจจะไม่เพียงพอในการประเมินและใช้ประกอบการตัดสินลงทุนในยุคปัจจุบัน รวมถึงไม่สามารถประเมินอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ในอนาคตได้ โดยแนวทางการจัดทำแผน 3 ปีจะทำให้นักลงทุนสามารถประเมินมูลค่าของธุรกิจและผลตอบแทนจากการลงทุนในอนาคตได้ ซึ่งมีตัวอย่างในตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ที่ใช้อยู่ เป็นต้น

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 มิ.ย. 67)

Tags: , , ,
Back to Top