ดาวโจนส์ปิดลบ 65.11 จุด แต่ S&P500 ทำนิวไฮต่อเนื่อง รับแรงซื้อหุ้นเทคโนฯ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (13 มิ.ย.) แต่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 4 โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,647.10 จุด ลดลง 65.11 จุด หรือ -0.17%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,433.74 จุด เพิ่มขึ้น 12.71 จุด หรือ +0.23% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,667.56 จุด เพิ่มขึ้น 59.12 จุด หรือ +0.34%

สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่ต่ำกว่าคาดในเดือนพ.ค. ซึ่งทำให้นักลงทุนยังคงมีความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย

ทั้งนี้ สหรัฐเปิดเผยดัชนี PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต เพิ่มขึ้น 2.2% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.5% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนเม.ย. ส่วนดัชนี PPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.3% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.4% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.5% ในเดือนเม.ย.

ส่วนตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก เพิ่มขึ้น 13,000 ราย สู่ระดับ 242,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2566 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 225,000 ราย

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงสู่ระดับต่ำกว่า 4.3% หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนี PPI ที่ต่ำกว่าคาด

เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่านักลงทุนเพิ่มน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ โดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนก.ย. และปรับลดอีกครั้งในเดือนธ.ค. หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่ต่ำกว่าคาดในเดือนพ.ค.

ไรอัน เดริค หัวหน้านักกลยุทธ์การตลาดจากบริษัท Carson Group ในรัฐเนบราสกาแสดงความเห็นว่า “แม้เฟดส่งสัญญาณในการประชุมครั้งล่าสุดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีนี้ แต่เฟดก็ต้องพึ่งพาข้อมูลเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน เราคาดว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงอาจทำให้มุมมองของเฟดเปลี่ยนแปลงในไม่ช้านี้”

ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีใน S&P500 พุ่งขึ้น 1.4% และดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ พุ่งขึ้น 1.5% โดยดัชนีทั้งสองต่างก็ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

หุ้นบรอดคอม ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ทะยานขึ้น 12.3% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้จากเซมิคอนดักเตอร์ที่ใช้ในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ส่วนหุ้นอินวิเดีย พุ่งขึ้น 3.5% และหุ้นแอปเปิ้ล ปรับตัวขึ้น 0.5%

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งมีความอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจ ปรับตัวลง 0.6% และดัชนี Russell 2000 ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนต่ำ ปรับตัวลง 0.9%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 มิ.ย. 67)

Tags: , , ,
Back to Top