นายวรเมธ จันทร์เสน ที่ปรึกษาการลงทุน บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด เปิดเผยว่า เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีเหตุการณ์สำคัญที่ถูกนับเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์อย่างการ อนุมัติ Ethereum spot ETF ของสหรัฐฯ ส่งผลต่อราคา Ethereum (ETH) และภาพรวมคริปโทเคอร์เรนซีทั้งในระยะสั้นและระยะยาว อย่างไรก็ตาม แม้ SEC สหรัฐจะประกาศการอนุมัติ แต่ราคาของ ETH ยังไม่มีการปรับตัวลงจากการรับรู้ข่าว แสดงถึงความแข็งแรงด้านราคา
เดือนมิถุนายนนี้ Ethereum และภาพรวมตลาดคริปโทฯ ยังมีแนวโน้มที่สามารถเติบโตได้สูงโดย เฉพาะกลุ่ม Liquid Staking ทั้งในระยะกลางถึงระยะยาว ด้วยเหตุผลดังนี้
1) ภาพรวมหลังการอนุมัติ Ethereum spot ETF
หลังการประกาศอนุมัติ Ethereum spot ETF ส่งผลให้เหรียญใน Ethereum Ecosystem มีโอกาสเติบโตทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยจำนวน Asset Under Management (AUM) จากสถาบันที่มีการยื่นจด ETF ทั้งหมดนั้นสูงกว่า 13 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่ามูลค่าตลาดของ ETH ที่มีอยู่ 0.46 Trillions Dollar เท่านั้น เมื่อมีการประกาศอนุมัติ ตลาดไม่มีแรงเทขายจาก Sell the news เหมือนที่นักลงทุนบางกลุ่มกังวล ทำให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อเหรียญ กลุ่ม Ethereum ecosystem ดังนั้น หาก Ethereum spot ETF ถูกเปิดขายจริง (โดยปกติจะใช้เวลา ประมาณ 1-3 เดือน) อาจส่งผลให้แรงซื้อของ ETH มีโอกาสเพิ่มขึ้นได้จากนักลงทุนสถาบัน ตามรอยของ Bitcoin spot ETF ได้
2) แรงเทขายระยะสั้นที่อาจเกิดขึ้นของ ETH
ราคา ETH ที่ปรับตัวขึ้นกว่า 38% หลังตลาดรับรู้ถึงโอกาสอนุมัติ Ethereum spot ETF ส่วนหนึ่งมาจากการเปิด Future position ซึ่งจะพบว่า Open interest บน Exchange นั้นมีมูลค่า เพิ่มขึ้นจาก 11.25 Billions dollar เป็น 16.33 Billions dollar ภายใน 9 วันเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็น มูลค่าสูงเมื่อเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ Bitcoin spot ETF ในเดือนมกราคม โดย Future position ของ ETH นั้นยังคงถูกเปิดค้างไว้แม้ ETF จะถูกอนุมัติแล้วก็ตาม ส่งผลให้ราคา ETH ที่ปรับตัวขึ้น มานั้นพื้นฐานไม่แข็งแรงเมื่อเทียบกับเดือนมีนาคมที่ผ่านมาอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยเหตุผลนี้ จึงทำให้ราคาของ ETH มีโอกาสปรับตัวลงได้ในระยะสั้นหรือช่วงเดือนมิถุนายนนี้
3) กลุ่ม Liquid staking ยังคงเติบโตต่อเนื่องจากการอนุมัติ Ethereum spot ETF
หลังจากการปรับตัวขึ้นของ ETH ทำให้เหรียญใน Ethereum ecosystem ปรับตัวขึ้นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่ม Liquid staking ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นปีจน ถึงปัจจุบัน และมีจำนวนเงินที่ถูกล็อก (Total value locked, TVL) เพิ่มขึ้นกว่า 20% เป็นผลให้ TVL นั้นใกล้ถึงระดับ All time high มากไปกว่านั้น การอนุมัติ Ethereum spot ETF ยังส่งผลดีในระยะยาวต่อกลุ่ม Liquid staking โดยตรง เนื่องจากสถาบันไม่สามารถทำการ Staking เองได้ ดังนั้น นักลงทุนบางกลุ่มที่รู้จัก Ethereum จากการแนะนำของสถาบันต้องศึกษาและทำการ Staking ด้วยตนเอง เป็นโอกาสให้พื้นฐานและราคาเหรียญในกลุ่มนี้เติบโตได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอย่างมีนัยสำคัญ
นายมานะ คานิโยว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านพัฒนาธุรกิจและพาณิชย์ บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า “การที่ Etheream ETF ที่ถูกอนุมัติ นั้นจะช่วยให้ ตลาดคริปโทฯ สามารถเชื่อมกับโลกการเงินฝั่ง Traditional ได้ง่ายยิ่งขึ้น เหตุผลหลักเพราะ ETH มีลักษณะคล้ายคลึงกับหลักทรัพย์ และมี Framework หรือ Model ที่สามารถสร้างรายได้ผ่าน DApps ต่าง ๆ ได้ ซึ่งทำให้ ETH นั้นสามารถเก็บ Fee ได้ ซึ่งรูปแบบนี้จะแตกต่างจาก BTC เพราะตัวบิทคอยน์เอง มีลักษณะเป็น Store of Value ไม่ได้เน้นการเก็บ Fee หรือมีรายได้อย่าง ETH นอกเหนือจากนี้ การที่ ETH มี Marketcap ที่น้อย กว่า BTC หลายเท่า และมี supply บน Exchange น้อย ทำให้ ETH มีโอกาสการเติบโต อย่างชัดเจน”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 มิ.ย. 67)
Tags: Ethereum, Merkle Capital, วรเมธ จันทร์เสน, เมอร์เคิล แคปปิตอล