จับตา “ลานีญา” กระทบภาคเกษตร? ความเสี่ยงกดดันเงินเฟ้อไทย

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ส่งผลให้อุณหภูมิสูงขึ้น สภาพอากาศร้อนและแห้งแล้ง เป็นปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ต้องพึ่งพาน้ำเป็นสำคัญ โดยเฉพาะสินค้าภาคการเกษตรไทย

อย่างไรก็ตาม ในช่วงกลางปีนี้ มีแนวโน้มว่าอุณหภูมิความร้อนจะลดลง และเข้าสู่จุดเปลี่ยนผ่านฤดูกาล โดยข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังอยู่ในสภาวะเอลนีโญกำลังอ่อน ซึ่งจะเปลี่ยนเข้าสู่สภาวะเป็นกลางในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. 67 และมีความน่าจะเป็น 60% ที่จะเข้าสู่สภาวะลานีญาในช่วงเดือนมิ.ย.-ส.ค. 67

โดยลานีญา เป็นปรากฏการณ์ขั้วตรงข้ามกับเอลนีโญ เกิดจากกระแสลมที่พัดจากด้านตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกมายังด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก มีความรุนแรงมากกว่าปกติ ทำให้กระแสน้ำอุ่นไหลมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น ส่งผลให้ภูมิภาคดังกล่าวมีระดับน้ำทะเลสูงขึ้น และอาจทำให้ฝนตกหนักมากกว่าปกติ

สำหรับสินค้าในตระกร้าเงินเฟ้อของไทย ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากลานีญา เป็นสินค้าในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เป็นสำคัญ โดยเฉพาะสินค้าเกษตร อาทิ ผักสด และผลไม้สด เนื่องจากเป็นสินค้าที่อ่อนไหวต่อสถานการณ์น้ำค่อนข้างมาก ซึ่งปริมาณน้ำฝนที่มากเกินไป จะกระทบต่อพื้นที่เพาะปลูก เป็นอุปสรรคต่อการเก็บเกี่ยว และเกิดความเสียหายต่อผลผลิต นำไปสู่การสูงขึ้นของระดับราคาสินค้าจากปัญหาภาวะอุปทานขาดแคลน เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง

ส่วนผักและผลไม้สด มีสัดส่วนในตะกร้าเงินเฟ้อของไทยประมาณ 5.83% ปรากฏการณ์ลานีญา และผลกระทบต่อราคาสินค้าเกษตรในปี 65 นอกจากอัตราเงินเฟ้อของไทย จะได้รับอิทธิพลจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกและปุ๋ยเคมีปรับตัวสูงขึ้น ยังมีสาเหตุสำคัญจากปรากฏการณ์ลานีญาที่กระทบต่อราคาสินค้าเกษตร ซึ่งในปีดังกล่าว มีปริมาณฝนสะสมเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 2,011.9 มิลลิเมตร สูงกว่าค่าปกติ 389 มิลลิเมตร หรือประมาณ 24% (ค่าปกติคาบ 30 ปี พ.ศ.2534-2563 เท่ากับ 1,622.9 มิลลิเมตร) โดยเฉพาะเดือนส.ค. ก.ย. และต.ค. ซึ่งเป็นช่วงเดือนที่มีปริมาณฝนในระดับสูง

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาอัตราเงินเฟ้อทั่วไป เทียบกับปริมาณฝนในเดือนดังกล่าว พบว่า สินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะกลุ่มผักและผลไม้ เดือนส.ค. ก.ย. และต.ค. ปี 65 สูงขึ้น 11.81% 12.43% และ 7.99% (YoY) ตามลำดับ โดยหนึ่งในสาเหตุสำคัญมาจากน้ำท่วมขังในพื้นที่ทำการเกษตร ทำให้มีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยลง

นอกจากนี้ ยังมีประเทศอื่นที่ได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์ลานีญาในปีเดียวกัน อาทิ ประเทศฟิลิปปินส์ ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยครั้งใหญ่ ส่งผลให้ประสบปัญหาขาดแคลนอาหาร และทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาปลีกของหมวดหมู่อาหารพื้นฐาน (ข้าวและผัก) ที่ปรับสูงขึ้น 15-20% และประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเผชิญกับวิกฤตน้ำท่วมครั้งใหญ่ในหลายเมืองสำคัญ อาทิ ซิดนีย์ และเมลเบิร์น บางพื้นที่รุนแรงที่สุดในรอบ 70 ปี สร้างความเสียหายต่อพื้นที่ทำการเกษตร ส่งผลให้ราคาสินค้าผักและผลไม้พุ่งสูงขึ้นมากกว่า 16%

นายพูนพงษ์ กล่าวว่า สภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน และความเสี่ยงที่จะเกิดปรากฏการณ์ลานีญา เป็นวัฏจักรตามธรรมชาติที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และอาจส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อในหมวดสินค้าที่เกี่ยวข้อง ส่วนขนาดของผลกระทบ คงต้องรอความชัดเจนของสถานการณ์อีกครั้ง หากปีนี้ความรุนแรงของปรากฏการณ์ลานีญาอยู่ในระดับต่ำ อาจทำให้มีปริมาณน้ำที่เพียงพอ และเหมาะสมต่อการเพาะปลูก มีผลผลิตเข้าสู่ตลาดมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อภาคการเกษตร

อย่างไรก็ตาม หากปรากฏการณ์ลานีญามีความรุนแรงจนถึงขั้นเกิดอุทกภัย อาจนำมาซึ่งความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตร และเกิดปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบในอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง นอกจากผักและผลไม้ อาจส่งผลทางอ้อมไปยังกลุ่มสินค้าอื่นๆ ที่ใช้ผักและผลไม้เป็นหนึ่งในวัตถุดิบ อาทิ อาหารตามสั่ง ข้าวราดแกง และอาหารโทรสั่ง (Delivery)

ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องคอยติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด วางแผนบริหารจัดการน้ำ และช่วงเวลาการเก็บเกี่ยวผลผลิต พัฒนาพื้นที่เพาะปลูก รวมทั้งส่งเสริมการบริหารจัดการสินค้าเกษตรให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ จะเตรียมรับมือและวางแผนด้านมาตรการช่วยเหลือ โดยจะพิจารณาถึงผลกระทบของมาตรการต่อทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้บริโภคอย่างรอบด้าน ซึ่งคาดว่าการวางแผนรับมือที่ดี จะช่วยลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 พ.ค. 67)

Tags: , , , ,
Back to Top