ดาวโจนส์ปิดลบ 330.06 จุด หุ้นเซลส์ฟอร์ซร่วงทุบตลาด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (30 พ.ค.) หลังจากเซลส์ฟอร์ซ (Salesforce) ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นเซลส์ฟอร์ซร่วงลงและฉุดหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายอื่น ๆ ดิ่งลงด้วย

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,111.48 จุด ลดลง 330.06 จุด หรือ -0.86%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,235.48 จุด ลดลง 31.47 จุด หรือ -0.60% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,737.08 จุด ลดลง 183.50 จุด หรือ -1.08%

หุ้นเซลส์ฟอร์ซ ซึ่งเป็น 1 ใน 30 หลักทรัพย์ในดัชนีดาวโจนส์ ดิ่งลง 19.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 1/2567 อยู่ที่ 9.13 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 9.17 พันล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ เซลส์ฟอร์ซคาดการณ์ว่ารายได้ในไตรมาส 2/2567 จะอยู่ในช่วง 9.20 – 9.25 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 9.37 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากลูกค้าลดการใช้จ่ายในผลิตภัณฑ์คลาวด์ของบริษัท

ผลประกอบการที่น่าผิดหวังของเซลส์ฟอร์ซได้ฉุดหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายอื่น ๆ ร่วงลงด้วย โดยหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ร่วงลง 3.7% หุ้นไมโครซอฟท์ ดิ่งลง 3.4% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ลดลง 1.5% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 2.1%

นักลงทุนซึมซับข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 1/2567 รวมทั้งตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด โดยหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำกว่า 4.6% และเครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 50.4% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 48.7% ในช่วงก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2567 โดยระบุว่า GDP ไตรมาส 1 ขยายตัว 1.3% ต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งแรกที่ระดับ 1.6% โดยเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ชะลอตัวลง

ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 3,000 ราย สู่ระดับ 219,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 218,000 ราย

หุ้นเบสต์บาย (Best Buy) ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกสินค้าอิเลคทรอนิคส์รายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 13.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1/2567 อยู่ที่ 1.20 ดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1.08 ดอลลาร์

หุ้นโคห์ลส์ คอร์ป (Kohl’s Corp) ซึ่งเป็นเครือข่ายห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 22.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 1/2567 อยู่ที่ 3.38 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.40 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ บริษัทได้ปรับลดคาดการณ์ยอดขายและกำไรในปีงบการเงิน 2567

หุ้นเทสลา ปรับตัวขึ้น 1.5% หลังจากสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าเทสลาเตรียมเปิดใช้ระบบ Full Self-Driving หรือ FSD ในจีน

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้กำหนดเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 พ.ค. 67)

Tags: , , ,
Back to Top