นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังจบภารกิจการเยือนสาธารณรัฐอิตาลีอย่างเป็นทางการว่า การเยือนสาธารณรัฐอิตาลีในครั้งนี้ ถือว่าสำเร็จเหนือความคาดหวัง พอใจภาพรวมตลอดเวลาหลายวันที่ผ่านมามาก โดยมีการหารือทวิภาคีกับนางสาวจอร์จา เมโลนี นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐอิตาลี ในประเด็น
- ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยได้นำเรื่องการยกเว้นการตรวจลงตราเข้าเขตเชงเก้น ที่ไทยได้หารือในเรื่องนี้กับประเทศสมาชิกยุโรปอยู่แล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีอิตาลีพร้อมให้การสนับสนุน รวมถึงประธานาธิบดีฝรั่งเศส และนายกรัฐมนตรีเยอรมนี รวมเป็น 3 ประเทศใหญ่ ซึ่งให้คำมั่นสัญญาว่าจะพยายามทำอย่างเต็มที่
- ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย – สหภาพยุโรป ซึ่งนายกรัฐมนตรีอิตาลีก็เห็นความสำคัญ และรับปากที่จะช่วยดูแล เพราะถ้าภาคเอกชนอิตาลีต้องการไปลงทุนเพื่อขยายฐานการผลิตที่ไทย เพื่อทำให้สินค้าเข้าถึงตลาดทั่วโลก เรื่อง FTA ก็เป็นเรื่องสำคัญ
- ความมั่นคง ทั้งเรื่องการซื้ออาวุธ และการพัฒนากองทัพร่วมกัน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ นายกรัฐมนตรีได้ให้ผู้ช่วยทูตทหารประสานงานกับฝ่ายความมั่นคงของอิตาลี ซึ่งไม่เฉพาะเพียงเรื่องการซื้ออาวุธ แต่รวมถึงการพัฒนาระบบในการฝึกซ้อม และเทคโนโลยีต่าง ๆ
- อุตสาหกรรมการออกแบบและแฟชั่น ซึ่งอิตาลีมีศักยภาพมาก โดยนายกรัฐมนตรีต้องการให้มีการแลกเปลี่ยนการจัดนิทรรศการ นักเรียน และผู้เชี่ยวชาญ โดยนายกรัฐมนตรีได้ยกตัวอย่างภาคเอกชนที่ได้พบหารือ เช่น Bvlgari
- พลังงาน อิตาลีสนใจเรื่องพลังงานสะอาด และการค้นหาแหล่งก๊าซธรรมชาติ
- แรงงาน โดยทางอิตาลีมีความต้องการแรงงานเฉพาะฤดูที่เกี่ยวกับการเกษตร อยากสนับสนุนให้แรงงานเกษตรไทยเข้ามาทำงานที่ประเทศอิตาลี ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการแรงงานไทย ที่เป็นแรงงานที่มีคุณภาพทางด้านการเกษตร และรายได้สูงมาก ถือเป็นอีกทางเลือกให้กับเกษตรกรชาวไทย
รวมทั้งมีการพูดคุยเรื่องโครงการ Landbridge การขยายสนามบินซึ่งทางอิตาลีมีเทคโนโลยีที่อาจเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาได้ นายกรัฐมนตรีอิตาลีได้เสนอให้ทั้ง 2 ประเทศมีการวางเป้าหมายที่ชัดเจน และมีการเซ็น MOU ระหว่างภาคเอกชนกับภาคเอกชน หรือเอกชนกับรัฐบาล
นอกจากนี้ ในวันที่ 1 กรกฎาคม จะมีการเปิดเที่ยวบินระหว่างกรุงเทพฯ – มิลาน และช่วงฤดูหนาวจะมีการเปิดเที่ยวบินระหว่างกรุงเทพฯ – โรม ถือว่าเป็นเรื่องการมีความเชื่อมโยงที่ดี เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีได้ ซึ่งคาดว่าสายการบินแห่งชาติของอิตาลีก็น่าจะสนใจในเรื่องนี้
ในโอกาสนี้ ได้เชิญนายกรัฐมนตรีอิตาลีเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ และเชิญชวนให้ไปเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ซึ่งทำให้อาจมีการเดินทางเยือนไทยในช่วงต้นปี 2568 โดยจะมีการนำนักธุรกิจร่วมเดินทางเพื่อจัดเป็น Business Forum
นายกฯ เชื่อว่า ความเป็นกลางทางด้านการเมืองของไทยทำให้ไทยมีเสน่ห์ในสายตานานาชาติ เพราะการจะตัดสินใจย้ายฐานการผลิตเข้ามา ต้องมั่นใจว่าไทยจะสามารถส่งสินค้าได้โดยที่ไม่เป็นคู่ขัดแย้งกับหลาย ๆ ประเทศ การรองรับด้านพลังงานสะอาดก็เป็นเรื่องสำคัญ และชีวิตความเป็นอยู่ในประเทศไทย ทำให้ไทยมีเสน่ห์ดึงดูดให้มีนักลงทุนเดินทางมา
ส่วนความกังวลในเรื่องประเด็นการเมืองภายในประเทศ นายกฯ ย้ำว่า ฝ่ายอิตาลีมีความมั่นใจในประเทศไทยสูงมาก เป็นรัฐบาลที่มาตามระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้อง มีความชอบธรรม การเดินทางครั้งนี้เป็นทริปที่ 15 แล้ว ได้ไปปรากฏตัวในเวทีโลกหลายเวที และเน้นย้ำเสมอว่า ประเทศไทยเปิดแล้วสำหรับทำธุรกิจ และไม่มีโอกาสและช่วงเวลาไหนดีที่สุดที่จะมาลงทุนในไทยเท่าช่วงเวลาแล้ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 พ.ค. 67)
Tags: อิตาลี, เศรษฐา ทวีสิน