นายดำรงชัย วิภาวัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บมจ.เคซีจี คอร์ปอเรชั่น (KCG) เปิดเผยถึงแนวโน้มผลดำเนินงานในไตรมาส 2/67 คาดยอดขายจะกลับมาเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักตามเป้าหมาย หลังจากไตรมาส 1/67 ยอดขายชะลอไปบ้าง แม้จะเป็นช่วง Low season แต่บริษัทก็พยายามดำเนินธุรกิจเพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบในช่วงนอกฤดูกาล ด้วยการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายและทยอยออกสินค้าใหม่สู่ตลาดมากขึ้น ย้ำเป้าหมายปีนี้รายได้จะทำ All Time High อีกครั้ง
“ไตรมาส 1/67 ที่ผ่านมายอดขายโตแค่ 4.5% แต่ในไตรมาส 2/67 ยังไงก็คงเติบโต Double Digit ได้ จากแนวโน้มผลการดำเนินงานเดือนเม.ย.-พ.ค. ที่เราทำอยู่จนถึงปัจจุบันเรายังคงมีความคาดหวังอย่างน้อยจะเติบโต Double Digit ได้ทุกไตรมาส”นายดำรงชัย กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะปรับปรุงหน่วยสินค้า โดยจะยกเลิกการจัดจำหน่ายสินค้าที่มียอดขายและกำไรต่ำ ซึ่งเป็นสินค้ากลุ่ม Food & Bakery และส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้า คิดเป็น 20% ของสินค้าทั้งหมด ทำให้ส่งผลกระทบกับรายได้ของบริษัทบ้าง แต่จะมียอดขายจากสินค้าใหม่เข้ามาทดแทน ซึ่งการปรับปรุงสินค้าเหล่านี้จะช่วยเพิ่มพื้นที่ในการผลิตและเพิ่มโอกาสในการผลิตสินค้าอื่น ๆ ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้จะมีการเปิดเผยผลิตภัณฑ์ใหม่ครั้งแรกในงาน THAIFEX สิ้นเดือนพ.ค.นี้ โดยยังเป็นสินค้ากลุ่ม Food & Bakery Ingredients เป็นหลัก
ขณะที่แนวโน้มต้นทุนวัตถุดิบครึ่งปีหลังส่วนใหญ่คงที่ แต่ราคา Butter Oil ยังคงผันผวนละกระทบต้นทุน อย่างไรก็ตามมองว่าเป็นปัจจัยกดดันระยะสั้น คาดว่าราคาจะปรับลดลงในไตรมาส 4/67 ทั้งนี้จากราคาต้นทุนเฉลี่ยในปัจจุบันยังคงอยู่ในแผนที่บริษัทวางเอาไว้ และบริษัทได้มีการซื้อวัตถุดิบล็อคราคาล่วงหน้าไว้ไปจนถึงไตรมาส 3/67
ขณะที่ความคืบหน้าศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้า KCG Logistics Park จำนวน 6 อาคาร ซึ่งสามารถจัดเก็บวัตถุดิบและสินค้าได้ครบทุกอุณหภูมิ ทั้งแบบอุณหภูมิห้อง (Ambient) แช่เย็น (Air-Conditioned และ Chilled) และแช่แข็ง (Frozen) ล่าสุด บริษัทฯ ได้เปิดดำเนินการศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้า KCG Logistics Park 2 อาคารแรกแล้วในช่วงต้นเดือน เม.ย.67 ที่ผ่านมา ส่วนอีก 4 อาคารที่เหลืออยู่ระหว่างก่อสร้างซึ่งคืบหน้าตามแผน พร้อมเปิดใช้งานได้ภายในช่วงไตรมาส 2/67 และจะใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพทั้ง 6 อาคารในช่วงครึ่งหลังของปี 67
ทั้งนี้ ศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้า KCG Logistics Park ใหม่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการสินค้าคงคลังจากการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการคลังสินค้า รวมถึงช่วยลดค่าใช้จ่ายจากการเช่าคลังภายนอก โดยปัจจุบันมีการเช่าโกดังข้างนอกปีละประมาณ 50 ล้านบาท ซึ่งหลังจากการเปิดใช้ KCG Logistics Park อาจจะคืนโกดังเช่าทั้งหมด คาดว่าจะช่วยประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่ายประมาณ 20-30 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตามคาดว่า KCG Logistics Park ยังมี Additional cost อาทิ การจ้างพนักงานและการเตรียมตัวสำหรับย้ายสินค้าเข้ามา ดังนั้นปีนี้อาจจะยังไม่สามารถประหยัดต้นทุนได้เต็มที่
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/67 บริษัทฯ มียอดขายรวม 1,785.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.5% และมีกำไรสุทธิ 71.6 ล้านบาท เติบโต 22.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม (Dairy Products) มียอดขาย 1,085.7 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 60.8% ผลิตภัณฑ์สำหรับการประกอบอาหารและเบเกอรี่และอื่นๆ (FBI) มียอดขาย 515.7 ล้านบาท สัดส่วน 28.9% และผลิตภัณฑ์บิสกิต (Biscuits) มียอดขาย 184.0 ล้านบาท สัดส่วน 10.3% สำหรับช่องทางการขายให้ผู้ประกอบการ (B2B) มียอดขาย 729.1 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 40.8% ช่องทางการขายให้ผู้บริโภค (B2C) มียอดขาย 991.8 ล้านบาท สัดส่วน 55.5% และช่องทางการส่งออกยอดขาย 64.5 ล้านบาท สัดส่วน 3.6%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 พ.ค. 67)
Tags: KCG, ดำรงชัย วิภาวัฒนกุล, หุ้นไทย, เคซีจี คอร์ปอเรชั่น