สิงคโปร์กำลังเผชิญกับปัญหาท้าทายเรื่องแหล่งอาหาร เพราะแม้รัฐบาลจะพยายามส่งเสริมมาตรการด้านความมั่นคงทางอาหาร แต่การผลิตผักและอาหารทะเลในท้องถิ่นกลับลดลงเมื่อปีที่ผ่านมา
สำนักงานอาหารสิงคโปร์ระบุในรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (20 พ.ค.) ว่า “ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับฟาร์มในท้องถิ่น” พร้อมเสริมว่า การลดลงนี้เป็นผลมาจากความล่าช้าระหว่างการแพร่ระบาดของโควิด-19 แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ราคาพลังงานและต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มสูงขึ้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในโลก ซึ่งต้องอาศัยการนำเข้าเพื่อการบริโภคเกือบทั้งหมด โดยสิงคโปร์ตั้งเป้าที่จะผลิตอาหารที่จำเป็นในท้องถิ่นให้ได้ 30% ภายในปี 2573 เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าและบรรเทาผลกระทบจากการหยุดชะงักของอุปทาน
ในปี 2566 สิงคโปร์ได้เพิ่มแหล่งอาหารเป็น 187 ประเทศและภูมิภาค เพิ่มขึ้นจาก 183 ประเทศและภูมิภาคในปีก่อนหน้า อีกทั้งยังได้อนุมัตินำเข้าเนื้อแกะจากสเปนและเนื้อไก่จากอินโดนีเซียด้วย
ทั้งนี้ สำนักงานอาหารสิงคโปร์ให้คำมั่นว่าจะเดินหน้าสนับสนุนฟาร์มในท้องถิ่นที่จำเป็นต้องมีความต้องการจากผู้บริโภคในระดับที่มากพอให้ดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยผักในท้องถิ่นคิดเป็นสัดส่วน 7.3% ของกลุ่มอาหารที่บริโภคเมื่อปีที่แล้ว ในขณะที่อาหารทะเลคิดเป็นสัดส่วน 3.2%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 พ.ค. 67)
Tags: ความมั่นคงทางอาหาร, สิงคโปร์