ถอดบทเรียนเพลิงไหม้ถังสารเคมีเป็น 4 มาตรการป้องกันเกิดเหตุซ้ำ

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) จัดประชุมทบทวนหลังการปฏิบัติงาน (After Action Review: AAR) ระดมความคิดเห็นทุกภาคส่วน วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน อุปสรรค ถอดบทเรียนจากเหตุเพลิงไหม้ถังเก็บวัตถุดิบสาร C9+ ของบริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด ในท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง พร้อมกำหนดมาตรการ 4 ด้านป้องกันเกิดเหตุซ้ำ กำชับบังคับใช้มาตรการยกระดับอย่างเข้มงวด สร้างความเชื่อมั่น พัฒนาการประกอบกิจการให้อุตสาหกรรมอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างยั่งยืน

“กนอ.ได้ประชุมทบทวนหลังการปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน สะท้อนจุดแข็ง จุดอ่อน และอุปสรรค ในการปฏิบัติงานภายใต้แผนเผชิญเหตุ แผนอพยพ แผนช่วยเหลือ และร่วมกันหาแนวทางปรับปรุงแก้ไขยกระดับมาตรการต่างๆ ให้มีความเข้มงวด รัดกุม ครอบคลุมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง” นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ กนอ.กล่าว

โดย 4 มาตรการดังกล่าว ได้แก่

  • มาตรการป้องกันก่อนเกิดเหตุ มุ่งเน้นการทำงานแบบมีส่วนร่วมเชิงป้องกัน ปรับรูปแบบการดำเนินการ กฎระเบียบต่างๆ ให้ตรงกับความคาดหวังของประชาชน สังคม และผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ หรือ หากเกิดเหตุแล้วสามารถควบคุมให้อยู่ในวงจำกัดและสามารถตอบสนองได้อย่างทันท่วงที
  • มาตรการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน โดยบูรณาการแผนฉุกเฉินร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วน ยกระดับบทบาทหน้าที่ของตนเอง โดยเฉพาะเรื่องของความชัดเจนในขอบเขตหน้าที่ที่รับผิดชอบและสิ่งที่ต้องดำเนินการ รวมถึงความพร้อมของวัสดุดับเพลิง และอุปกรณ์ที่ใช้ในการตอบโต้เหตุฉุกเฉิน
  • มาตรการสื่อสารภาวะวิกฤต ที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และทันท่วงที เพื่อชี้แจงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ลดความวิตกกังวลของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และบริหารจัดการในภาวะวิกฤตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • มาตรการเยียวยาฟื้นฟูผู้ที่ได้รับผลกระทบให้ได้รับการเยียวยาอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ตลอดจนการเฝ้าระวังด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว และสร้างความเชื่อมั่นให้กับชุมชนโดยรอบนิคมฯ

ผู้ว่าการ กนอ.ได้กล่าวขอบคุณหน่วยงานที่เข้าร่วมและสนับสนุนอุปกรณ์การระงับเหตุ ประกอบด้วย บริษัท PTT LNG, เทศบาลเมืองมาบตาพุด, เทศบาลนครระยอง, บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) สาขา 6, บริษัท NPC S&E จำกัดบริษัท โคเวสโตร (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท IRPC จำกัด และหน่วยงานอื่นๆ ที่มีส่วนช่วยในการระงับเหตุ การอพยพ และบริหารจัดการภาวะฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องในครั้งนี้ด้วย

“กนอ.จะบังคับใช้มาตรการที่ยกระดับขึ้นนี้อย่างเข้มงวด จริงจัง ทั้งในด้านของการปรับปรุงระบบการแจ้งข่าวสารระหว่างเกิดเหตุ แผนการอพยพ การซ้อมแผนฉุกเฉินที่ต้องครอบคลุมทั่วถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการจัดทำแผนในส่วนที่ต้องเกี่ยวข้องกับโรงงานโดยรอบที่อยู่ในพื้นที่ใกล้กัน ซึ่งบางโรงงานอาจมีท่อก๊าซที่เชื่อมโยงกันด้วย อาจจะได้รับผลกระทบหรือเป็นอันตรายได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการประกอบกิจการ และสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างสมดุลและยั่งยืน” นายวีริศ กล่าว

สำหรับการประชุมทบทวนหลังการปฏิบัติงานครั้งนี้มีผู้แทนหน่วยงานราชการ หน่วยงานท้องถิ่น หน่วยงานเอกชน ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม ผู้บริหาร และพนักงาน กนอ. รวมทั้งผู้ประกอบการในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด เข้าร่วมประชุม จำนวน 150 คน จาก 42 หน่วยงาน โดยมีนายปราโมทย์ คล้ายเชย ผู้เชี่ยวชาญบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินและวิกฤต บริษัท เอ็นพีซี เซฟตี้ แอนด์ เอ็นไวรอนเมนทอล เซอร์วิส จำกัด เป็นผู้ดำเนินรายการ มีการประเมินภาพรวมของการจัดการเหตุการณ์ในเบื้องต้นออกเป็นประเด็นต่างๆ ให้ที่ประชุมได้แสดงความเห็น นอกจากนี้ผู้บริหารบริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด ยังร่วมแบ่งปันข้อมูลที่เป็นประโยชน์ มานำเสนอแลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ตามแผนตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน ตลอดจนความคาดหวัง ปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะในการปรับปรุงเพื่อกำหนดมาตรการป้องกันการเกิดเหตุซ้ำ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 พ.ค. 67)

Tags: , , ,
Back to Top