นายกฯ เผยหารือ “มาครง” หนุนสานต่อ FTA-พัฒนากองทัพ-พลังงานสะอาด-ท่องเที่ยว

เศรษฐา ทวีสิน, เอมานูว์แอล มาครง
นายกรัฐมนตรีไทย พบปะกับนายเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ที่ประเทศฝรั่งเศส, 16 พ.ค. 2567 (ภาพ: Thaigov.go.th)

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการพบปะหารือกับนายเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสว่า มีการพูดคุยกันหลายเรื่อง ทั้งในเรื่องการค้าระหว่างประเทศ การจัดทำ FTA ไทย – สหภาพยุโรป ซึ่งมีความซับซ้อน โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่าควรแยกทำ FTA บางส่วนไปก่อน เพื่อให้มีความก้าวหน้า อาทิ EV เป็นต้น

นอกจากนี้ ได้มีการลงนามในความตกลงร่วมกันในหลาย ๆ ด้าน เช่น การผลิตเชื้อเพลิงพลังงานสะอาดแบบยั่งยืน (sustainable aviation fuel: SAF) ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญที่มีการพูดคุยกันในหลายวงที่จะมีการยกระดับความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างทั้งสองประเทศ โดยงานดังกล่าวมีภาคธุรกิจรายใหญ่ในหลายสาขาสำคัญเข้าร่วมจำนวนมาก ถือว่าได้ประโยชน์อย่างมาก

ในการลงนามในความตกลงด้านกลาโหม อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ซึ่งทางฝรั่งเศสมีข้อเสนอให้ไทยในหลายส่วน ทั้งเครื่องบิน รถถัง โดรน และความมั่นคงทางไซเบอร์ ซึ่งพล.อ. ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้มาร่วมพูดคุย โดยในภาพใหญ่มีการวางแผนพัฒนากองทัพ ในระยะเวลา 10 ปี ซึ่งได้มีการพูดคุยว่าฝรั่งเศสสามารถช่วยพัฒนากองทัพไทยได้ในส่วนไหนบ้าง รวมถึงในเรื่องการซ้อมรบ

ในเรื่องของพลังงานสะอาดนั้น ฝรั่งเศสมีความเชี่ยวชาญ และมีพลังงานสะอาดใช้จำนวนมาก ซึ่งไทยอยากให้ฝรั่งเศสเป็นแม่แบบในการพัฒนาแบบแผนพลังงานของไทย ซึ่งจะพูดคุยกันอีกครั้งในการประชุม Thailand – France Business Forum ครั้งต่อไป ในเดือนกันยายน ที่ประเทศไทย ทางฝรั่งเศสจะนำหน่วยงานด้านพลังงานสะอาดที่มีความเชี่ยวชาญ รวมถึงด้านพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งฝรั่งเศสสามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัย ราคาถูก และสะอาด

ประธานาธิบดีมาครงยืนยันให้การสนับสนุนไทยอย่างต่อเนื่องในการผลักดันการยกเว้นการตรวจลงตราเข้าเขตเชงเกนสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของไทย ซึ่งอาจจะเดินหน้าดำเนินการได้ช่วงเดือนสิงหาคม หลังการเลือกตั้งสภายุโรปในเดือนมิถุนายน 2567 สำหรับเรื่องการท่องเที่ยว ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างกันยังคงไม่เท่ากับช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันผลักดันการเพิ่มเที่ยวบินระหว่างกัน

“ท่านได้ขอเบอร์มือถือไปและได้ทดลองทักทายกันผ่าน Whatapp มีอะไรก็สามารถพูดคุยกันอย่างชัดเจน และท่านบอกว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งตนก็ระบุว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ทั้ง 3 คน น่าจะได้มีการตั้งกลุ่มขึ้นมา และมีการพูดคุยกัน เป็นเรื่องที่ดี 3-4 ชั่วโมง ได้ประโยชน์อย่างมากและวันนี้ก็เดินทางต่อไปที่เมืองมิลานประเทศอิตาลี” นายเศรษฐา กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 พ.ค. 67)

Tags: ,
Back to Top