นายสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีอาร์ซีไทวัสดุ จำกัด ในเครือบมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) กล่าวว่า ซีอาร์ซี ไทวัสดุ วางแผนการขยายธุรกิจในช่วง 5 ปี (ปี 67-71) โดยตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้นไปแตะ 7 หมื่นล้านบาท ภายในปี 71 จากสิ้นปี 66 ที่มีรายได้อยู่ที่ 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งอัตราการเติบโตรายได้เฉลี่ยต่อปีจะอย่ที่ 12% ต่อปี
โดยจะมีการขยายสาขาเฉลี่ย 7-10 สาขา/ปี เงินลงทุนในการขยายสาขาอยู่ที่ราว 7 พันล้านบาท/ปี ซึ่งจะมีการขยายสาขาในหลากหลายแพลตฟอร์มในกลุ่มซีอาร์ซี ไทวัสดุ ทั้งรูปแบบ Hybrid Format (White Format)โดยผนึกจุดแข็งของแบรนด์ไทวัสดุ และบีเอ็นบี โฮม ให้เป็นศูนย์รวมสินค้าวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์งานช่าง เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าเพื่อบ้าน ของตกแต่ง และซ่อมแซมบ้าน สามารถตอบโจทย์ทุกกลุ่มลูกค้าทั้งผู้รับเหมา ช่าง และเจ้าของบ้าน ด้วยพื้นที่กว่า 20,000 ตารางเมตร รวบรวมสินค้ามากถึง 50,000 รายการ และยังเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มยอดขายได้ถึง 30% โดยปัจจุบันมีจำนวนสาขาที่ 103 สาขาทั่วประเทศ
การพัฒนาช่องการทางขายในรูปแบบ Outperforming Online Shopping ยกระดับการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อช่วยให้การ ช็อปปิ้งออนไลน์ไม่มีสะดุด โดยเฉพาะการพัฒนาฟีเจอร์ (Feature) ที่มีความเป็น Unique only at Thaiwatsadu ที่เดียวเท่านั้นผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่น ซึ่งทำให้ลูกค้าเข้าถึงและสั่งซื้อสินค้าของกลุ่มซีอาร์ซี ไทวัสดุ ได้อย่างสะดวก และวางเป้ายอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ในปี 71 ขึ้นไปแตะไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท จากปีก่อนที่ 1.4 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับ 1 ของซีอาร์ซี ไทวัสดุ ที่เป็น No.1 Omnichannel DIY Home Retailer และเป็นเบอร์ 1 ด้าน Innovative ในอุตสาหกรรม
ขณะเดียวกันซีอาร์ซี ไทวัสดุ ยังคงมองหาโอกาสใหม่ๆในการขยานฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มเจ้าของบ้าน (Home Owner) เพิ่มมากขึ้น โดยการนำ BnB home ที่จะเข้ามาช่วยเสริมการขับเคลื่อน ซึ่งจะมีการนำเสนอสินค้าตกแต่งบ้านทั่วไป เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ผนวกกับการให้บริการของ vFIX ที่เข้ามาให้บริการงานตกแต่ง ซ่อมแซมบ้าน ซึ่งยังมีโอกาสขยายฐานลูกค้ากลุ่มเจ้าของบ้านทั่วไปที่มีอยู่มากในตลาด และเป็นการช่วยผลักดันยอดขายของกลุ่ม Home Owner ให้เพิ่มขึ้นมากกว่า 40% ในปัจจุบัน เสริมจากกลุ่มผู้รับเหมาที่ปัจจุบันมีลัดส่วนยอดขายอยู่ที่ 60%
ขณะที่ภาพรวมในช่วงไตรมาส 1/67 ที่ผ่านมา ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของซีอาร์ซี ไทวัสดุ ได้ติดลบ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงเพิ่งเริ่มฟื้นตัว และยังไม่มีปัจจัยหนุนจากภาครัฐเข้ามา ประกอบกับกำลังซื้อในประเทศยังไม่กลับมาฟื้นตัวดี ทำให้ยอดขายมีการชะลอตัว แต่เริ่มเห็นยอดขายสาขาเดิมกลับมาดีขึ้นในช่วงเดือนเม.ย.และต้นเดือนพ.ค.นี้ กลับมาดีขึ้นบ้าง แต่มองว่าจะเห็นสัญญาณที่ชัดเจนในช่วงไตรมาส 4/67 ที่คาดว่าจะมีปัจจัยหนุนจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การโอนโครงการบ้านและคอนโดมิเนียม แต่ในช่วงปลายไตรมาส 2 และไตรมาส 3 นี้ อาจจะมีการฟื้นตัวได้ไม่มาก ส่วนหนึ่งมาจากการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐที่ทยอยออกมา แต่เป็นช่วง Low season ของธุรกิจในฤดูฝน
อย่างไรก็ตามซีอาร์ซี ไทวัสดุ ยังคงมีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไรที่ดีต่อเนื่อง ด้วยการพัฒนาระบบกรีนโลจิสติกส์ (Green Logistics) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งในปี 67 จะเพิ่มจำนวนรวม 80 คัน คิดเป็น 32% จากรถขนส่งทุกประเภททั้งหมด ขนส่งสินค้าได้มากกว่า 700,000 พาเลท ช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO2 ถึง 7,000 ตัน แม้ว่าต้นทุนราคารถพ่วง EV Truck จะสูงกว่ารถบรรทุกดีเซล แต่ในระยะยาวจะสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิง และการดูแลเครื่องยนต์ลดลงได้ถึง 16% ต่อปี
ส่วนประเด็นการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาท/วัน มองว่ามีผลกระทบต่อต้นทุนแรงงานไม่มากเพียง 3-4% เท่านั้น เพราะค่าแรงที่บริษัทจ่ายให้แก่พนักงานส่วนใหญ่เกิน 400 บาท/วัน อยู่แล้ว แต่สิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญมากกว่าในเรื่องค่าแรง คือ การพัฒนาบุคคลากร พนักงาน ให้มีศักยภาพ และประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น รวมถึงการดูแลด้านสุขภาพของบุคคลากรและพนักงาน เพื่อทำให้การทำงานของทุกคนในองค์กรมีความสุข และร่วมกันผลักดันธุรกิจให้เติบโตขึ้นได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 พ.ค. 67)
Tags: CRC, ซีอาร์ซี ไทวัสดุ, สุทธิสาร จิราธิวัฒน์, เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น