นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ว่า ที่ประชุมครม.รับทราบ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เสนอผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เกี่ยวกับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ (EEC Visa) เพื่ออำนวยความสะดวกให้คนต่างชาติที่มีศักยภาพและเป็นกลุ่มเป้าหมายให้เข้ามาทำงานในประเทศไทยได้สูงสุดไม่เกิน 10 ปี และได้รับลดหย่อนอัตราภาษีบุคคลธรรมดาในอัตราคงที่ 17%
นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. มีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาภาคตะวันออก เกี่ยวกับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ EEC Visa แนวทางการให้สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ และการพัฒนาเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เสนอ โดยมีสาระสำคัญ 4 ข้อดังนี้
1. รับทราบผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 3/2566
1.1 การตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ EEC Visa
1.2 แนวทางการให้สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ (EEC)
2. รับทราบการปรับแนวทางดำเนินการโครงการเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (โครงการ EECd) โดยนำออกจากการดำเนินการภายใต้ประกาศ กพอ. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการ ในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน พ.ศ. 2560 (ประกาศ กพอ. หลักเกณฑ์ฯ)
สำหรับความเป็นมา คือ โครงการ EECd นั้น จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ อาทิ (1) ยกระดับขีดความสามารถให้กับอุตสาหกรรมดิจิทัลในประเทศไทย (2) สนับสนุนและส่งเสริมเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล (3)ยกระดับและพัฒนาอุตสาหกรรมไอซีทีเดิมไปสู่อุตสาหกรรมดิจิทัลยุคใหม่ (New S- Curve Digital Industry) และ (4) พัฒนาเป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนด้านอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล เป็นต้น โดยโครงการ EECd นี้เป็นหนึ่งในโครงการภายใต้ EEC Project List ซึ่งต้องดำเนินการตามประกาศ กพอ. เรื่อง หลักเกณฑ์ฯ มาโดยตลอด
3. ให้ สกพอ. พิจารณาแนวทางการให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกอบกิจการในเขต EEC อย่างรอบคอบ โปร่งใส และเป็นธรรม รวมทั้งเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 อย่างเคร่งครัดด้วย
4. ให้ สกพอ., สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณากำหนดแนวทางในการเชื่อมโยงข้อมูลของนักลงทุน โดยเฉพาะในส่วนของการให้สิทธิประโยชน์แก่นักลงทุน เพื่อให้มีการจัดทำและเชื่อมโยงข้อมูลกันอย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพรวม ทั้งให้พิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการบูรณาการการทำงานของศูนย์บริการนักลงทุนที่มีอยู่ในปัจจุบันร่วมด้วย ในการดำเนินการดังกล่าว ให้คำนึงถึงหลักความประหยัด คุ้มค่า มุ่งให้เกิดผลสัมฤทธิ์ และประโยชน์สูงสุดเป็นสำคัญ
สำหรับ EEC Visa นั้น ประเภท คุณสมบัติ และสิทธิประโยชน์ มีรายละเอียดดังนี้
1. ผู้ที่สามารถได้รับวีซ่าดังกล่าว มี 4 ประเภท ดังนี้
- ผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ (Specialist : S)
- ผู้บริหาร (Exeutive : E)
- ผู้ชำนาญนาญการ (Professional : P)
- คู่สมรส และบุคคลซึ่งอยู่ในอุปการะ (Other :O)
คุณสมบัติของผู้มีสิทธิที่จะได้รับ EEC Visa เช่น ต้องเป็นผู้ที่มีสัญญาจ้างกับผู้ประกอบกิจการ หรือมีสัญญากับบุคคลอื่นที่กำหนดให้ต้องปฏิบัติงานเพื่อประโยชน์ของผู้ประกอบกิจการ ไม่มีลักษระต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ต้องได้รับการรับรองคุณสมบัติจากผู้ประกอบกิจการ ฯลฯ
โดยสิทธิประโยชน์จากการได้รับ EEC Visa เช่น มีสิทธิในการเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรตามจำนวน และระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตจากเลขาธิการ กพอ.สูงสุดไม่เกิน 10 ปี ทั้งนี้ ต้องไม่เกินระยะเวลาตามสัญญาจ้าง สำหรับใช้เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง โดยประทับตราขาเข้าและอนุญาตให้เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรในครั้งแรกเป็นเวลาไม่เกิน 5 ปี มีสิทธิในการนำคู่สมรสและบุคคลซึ่งอยู่ในอุปการะเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรตามความจำเป็นและเหมาะสม และมีสิทธิในการได้รับการลดหย่อนอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในอัตราคงที่ 17%
ทั้งนี้ การดำเนินการ EEC Visa และการให้สิทธิประโยชน์ดังกล่าว จะช่วยส่งเสริม และสนับสนุน ให้ผู้ประกอบกิจการทั้งในประเทศและต่างประเทศ เข้ามาประกอบอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ และกิจการที่เกี่ยวเนื่อง หรือเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนา และส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษในเขต EEC ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศโดยรวม ตลอดจนมีการถ่ายทอดความรู้ความเชี่ยวชาญจากผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ชำนาญการที่มีศักยภาพสูง ก่อให้เกิดรายได้แก่ภาครัฐ
โดยคนต่างด้าวที่ยื่นขอ EEC Visa หรือยื่นขอเปลี่ยนประเภท Visa เป็น EEC Visa ต้องชำระค่าธรรมเนียมในอัตรา 10,000/บาท/คน/ปี และในการขอรับใบอนุญาตทำงาน EEC Work Permit ต้องชำระค่าบริการในอัตรา 20,000 บาท/คน/ครั้ง
ทั้งนี้ มีคนต่างด้าวที่มีคุณสมบัติเข้าข่ายตามที่กำหนด และประสงค์จะใช้สิทธิ EEC Visa โดยคาดการณ์ 10 ปีแรก ของการดำเนินการประมาณ 149,388 คน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 พ.ค. 67)
Tags: EEC, ประชุมครม., มติคณะรัฐมนตรี, รัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี, เศรษฐา ทวีสิน