นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) จ.เพชรบุรี ว่า ที่ประชุมครม. มีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ เสนอผลสรุปผลการปฏิบัติราชการของ ครม.ในพื้นที่กลุ่มจังวัดภาคกลางตอนล่าง ทั้งในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจแบบครงวงจร การลงทุน การท่องเที่ยว การเกษตร การเสริมสร้างความมั่นคง ความสงบเรียบร้อย การบริหารทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุลและยั่งยืน และการพัฒนาแบบมีส่วนร่วม โดยเห็นชอบหลักการของโครงการจังหวัดและกลุ่มจังหวัดจำนวน 10 โครงการ กรอบวงเงิน 246.26 ล้านบาท
โดยให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดขอรับการจัดสรรจากงบประมาณปี 67 และงบกลาง พร้อมทั้งเห็นชอบในหลักการของโครงการที่เป็นข้อเสนอของภาคเอกชน จำนวน 8 โครงการ กรอบวงเงิน 268 ล้านบาท โดยให้ส่วนราชการที่เป็นเจ้าของโครงการขอรับการจัดสรรงบประมาณปี 67 และงบกลาง
ด้านนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ภายหลังการลงพื้นที่ตรวจราชการในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง โดยมองว่าเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพ สามารถยกระดับให้เป็นเมืองขนาดใหญ่ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว และการลงทุนได้อีกเป็นจำนวนมาก
โดยนายกฯ มีข้อสั่งการสำหรับแต่ละจังหวัด ดังนี้
1. จังหวัดสุพรรณบุรี
เป็นจังหวัดที่มีการบริหารจัดการน้ำอย่างดีทั้งระบบ ทำให้ประชาชนไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง ขอให้กรมชลประทานวางแผนระยะยาว ซึ่งในอนาคตที่จะต้องเผชิญกับสถานการณ์ภัยธรรมชาติต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น โดยที่ให้ดูในภาพรวมของประเทศด้วย
2. จังหวัดกาญจนบุรี
– ขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หามาตรการในการปรับปรุง และควบคุมโรคในฟาร์มโคนมทั้งประเทศ เพื่อให้รักษาระดับคุณภาพการเลี้ยง ตลอดจนส่งเสริมการเลี้ยงโคนมแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ
– นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงาน ช่วยกันทำงานให้หนักยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งในประเด็นการลักลอบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย มาตรการควบคุมยางพาราในพื้นที่ รวมทั้งสินค้าเกษตรทุกชนิด โดยเฉพาะการลักลอบนำเข้ายาเสพติด
3. จังหวัดราชบุรี
– นายกรัฐมนตรี ขอให้กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ หามาตรการในการลดต้นทุนการผลิต การส่งเสริมเทคโนโลยี และปรับราคาสินค้าเกษตรในตลาดให้มีความสมดุล ตลอดจนลดปัญหา เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่มากขึ้น
– ขอให้กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พิจารณาความเหมาะสมในการพัฒนา “อุทยานหินเขางู” เป็นสถานที่ท่องเที่ยว และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ทั้งสันทนาการ นันทนาการ กิจกรรมกีฬาต่าง ๆ ขอให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบทั้งเรื่องของการใช้พื้นอุทยานที่ให้มีความถูกต้องตามกฎหมาย
4. จังหวัดเพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์
– สนามบินหัวหิน เป็นสนามบินที่สามารถยกระดับให้เป็นสนามบินระหว่างประเทศได้ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจากทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ขอให้กระทรวงคมนาคม เร่งศึกษาแผนการยกระดับสนามบิน การขยาย runway การสร้าง terminal ระหว่างประเทศ เพื่อรองรับการเชื่อมโยง Connectivity ระหว่างสนามบิน โดยที่ขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เร่งศึกษาปริมาณความต้องการของนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาใช้บริการสนามบินหัวหินเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการลงทุน
– รัฐบาลให้ความสำคัญของการส่งเสริมการท่องเที่ยวในหลายมิติ นายกรัฐมนตรี ขอให้กระทรวงมหาดไทย ให้ความสำคัญกับการดูแลการแข่งขันกีฬาวัวลาน โดยให้เสนอขอแก้ไขกฎกระทรวง เพื่อขยายระยะเวลาในการละเล่นกีฬาพื้นบ้านดังกล่าวต่อ ครม. ภายในระยะเวลา 1 เดือน ซึ่งจะต้องเป็นไปตามระเบียบ และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงของบ้านเมือง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 พ.ค. 67)
Tags: ครม.สัญจร, ประชุมครม., มติคณะรัฐมนตรี, สภาพัฒน์, สศช., เศรษฐา ทวีสิน