BRR กำไร Q1/67 โตฉ่ำ 32% แม้รายได้ตก อานิสงส์ราคาน้ำตาลโลกพุ่ง-บาทอ่อน แนวโน้ม Q2 โตต่อ

บมจ.น้ำตาลบุรีรัมย์ (BRR) ประกาศผลงานงวดไตรมาส 1/67 รายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 2,543 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อยเพียง 0.15% ในทางกลับกัน บริษัทฯ สามารถบริหารต้นทุนการขายและบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีต้นทุนลดลง 14% ส่งผลให้ภาพรวมกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 32%

นายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BRR เปิดเผยว่า รายได้จากการขายและบริการลดลง สาเหตุหลักมาจากปริมาณการขายน้ำตาลที่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 28,332 ตัน หรือลดลง 26% เนื่องจากแผนการส่งออกน้ำตาลจะมีการส่งมอบในช่วงไตรมาสที่ 2 และด้วยราคาขายน้ำตาลเฉลี่ยที่ปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ย 31% ประกอบกับอานิสงส์ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง จึงส่งผลให้รายได้ลดลงเพียงเล็กน้อย

ในทางกลับกัน บริษัทฯ สามารถบริหารต้นทุนการขายและบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีต้นทุนการขายและบริการอยู่ที่ 1,692 ล้านบาท ลดลง 271 ล้านบาท หรือลดลง 14% ซึ่งถือว่าลดลงมากกว่าโดยเปรียบเทียบกับรายได้ที่ลดลง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 33.46% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้น 22.90% และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 450 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 109 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 32%

“ภาพรวมครึ่งปีแรกของปี 67 ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายจากปริมาณอ้อยเข้าหีบ 2.28 ล้านตัน เพิ่มขึ้นประมาณ 16% มีไฮไลท์ที่สำคัญ คือ ค่าความหวาน C.C.S. อยู่ที่ 13.72 C.C.S. ซึ่งติดอันดับ 1 ใน 5 อันดับสูงสุดของประเทศไทย และปริมาณน้ำตาลต่อตันอ้อยสูงสุดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศ ซึ่งอยู่ที่ 120.09 กก.น้ำตาลต่ออ้อย 1 ตัน โดยปัจจัยที่ช่วยสนับสนุน คือ ราคาน้ำตาลที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจะรับรู้รายได้จากการปรับตัวของระดับราคาที่สูงขึ้นในช่วงปีแรกของปีนี้ ประกอบกับอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังคงมีแนวโน้มอ่อนค่าอยู่ ซึ่งส่งผลดีต่อธุรกิจยิ่งขึ้น และจากการที่ปริมาณอ้อยที่เพิ่มขึ้นราว 16% ย่อมส่งผลให้ธุรกิจต่อเนื่องมีแนวโน้มเติบโตยิ่งขึ้น จากต้นทุนปัจจัยการผลิตที่ลดต่ำลง และคาดว่าทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลัง จะยังมีทิศทางเติบโตได้ตามแผนที่วางไว้” นายอนันต์ กล่าว

สำหรับแผนธุรกิจในปี 67 บริษัทวางเป้าหมายรายได้เติบโตราว 20% จากปริมาณผลผลิตอ้อยที่เพิ่มขึ้น รวมถึงสามารถทำราคาน้ำตาลได้สูงขึ้นกว่าปีก่อน อีกทั้งยังได้ปัจจัยสนับสนุนเรื่องค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง โดยในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 35-36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่งผลดีต่อบริษัท ที่มีสัดส่วนการส่งออกประมาณ 80% ของรายได้รวม พร้อมทั้งยังคงมุ่งเน้นขับเคลื่อนธุรกิจด้วยความยั่งยืนด้วยหลัก ESG ตามเป้าหมายที่ได้วางไว้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 พ.ค. 67)

Tags: , ,
Back to Top