รัสเซียมีผลิตภัณฑ์น้ำมันคงค้างอยู่ในทะเลมากขึ้น เนื่องจากผู้รับซื้อจากเกาหลีใต้เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลกระทบจากการที่รัสเซียรุกรานยูเครน แม้จะผ่านไปกว่า 2 ปีก็ตาม
สำนักข่าวบลูมเบิร์กเปิดเผยในวันนี้ (7 พ.ค.) ว่า ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในเกาหลีใต้ ซึ่งเดิมเป็นผู้รับซื้อรายใหญ่ของรัสเซีย กำลังพยายามหลีกเลี่ยงการนำเข้าโดยตรง รวมถึงสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดไม่ชัดเจน เนื่องจากกังวลว่าจะถูกตรวจสอบจากรัฐบาล
นอกจากนี้ เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ดำเนินการตรวจสอบการนำเข้าแนฟทาซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของพลาสติกเช่นกัน
เคปเลอร์ (Kpler) บริษัทด้านข้อมูลเปิดเผยว่า เมื่อนับจนถึงวันที่ 5 พ.ค. แนฟทา (naphtha) ของรัสเซีย มากกว่า 2 ล้านบาร์เรลคงค้างอยู่ในเรือบรรทุกน้ำมันเป็นเวลานานกว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว โดยบางส่วนอยู่ในน่านน้ำใกล้โอมาน และเพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยรายสัปดาห์ประมาณ 790,000 บาร์เรลในเดือนม.ค. และก.พ.
การบุกโจมตียูเครนโดยรัสเซียเมื่อช่วงต้นปี 2565 ส่งผลกระทบต่อตลาดพลังงานทั่วโลกทั้งสำหรับน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เนื่องจากผู้ซื้อบางรายหลีกเลี่ยงการซื้อน้ำมันรัสเซีย บางส่วนเผชิญปัญหาจากการปรับเปลี่ยนเส้นทางขนส่ง อีกทั้งมาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตกและการกำหนดเพดานราคาน้ำมันยิ่งส่งผลให้ปัญหามีความท้าทายเพิ่มขึ้น ประเทศเศรษฐกิจที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าเป็นส่วนใหญ่ เช่น เกาหลีใต้ รวมถึงโรงกลั่นและผู้ผลิตพลาสติก จำเป็นต้องปรับตัว
ทั้งนี้ ข้อมูลของเคปเลอร์ระบุว่า ก่อนที่รัสเซียจะบุกยูเครน รัสเซียเป็นผู้ส่งมอบแนฟทารายใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ แต่เริ่มสูญเสียสถานะหลังจากสงครามเริ่มขึ้น โดยเกาหลีใต้ได้เพิ่มการนำเข้าจากประเทศอื่น ๆ แทน เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ และตูนิเซีย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 พ.ค. 67)
Tags: ปิโตรเคมี, ยูเครน, รัสเซีย, เกาหลีใต้, เรือบรรทุกน้ำมัน