นับตั้งแต่ข้อตกลงยกเว้นวีซ่าร่วมกันระหว่างจีนและไทยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มี.ค. ของปีนี้ ซึ่งถือเป็นการเปิดศักราชยุคปลอดวีซ่าระหว่างจีนและไทยอย่างเป็นทางการ โดยมีสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย สามประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่บรรลุข้อตกลงยกเว้นวีซ่าร่วมกันกับจีน
ช่วงวันหยุดยาวเนื่องในวันแรงงานปีนี้ นโยบายฟรีวีซ่าระหว่างกันยังผลเชิงบวกหลายด้าน เช่น การชำระค่าบริการได้สะดวกยิ่งขึ้น และการเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินระหว่างประเทศ ส่งผลให้ตลาดการท่องเที่ยวทั้งขาเข้าและขาออกยังคึกคักต่อเนื่อง และทำให้ประเทศที่ฟรีวีซ่าซึ่งสามารถเดินทางไปได้เลยทันทีกลายเป็นตัวเลือกแรกของนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ผู้ดูแลบริษัทนำเที่ยวแห่งหนึ่งในนครหนานหนิง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ของจีน ให้ข้อมูลว่านับตั้งแต่สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย ฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน ตลาดการท่องเที่ยวภายในประเทศก็ตอบรับนโยบายดังกล่าวอย่างแข็งขัน ทำให้ก่อนช่วงหยุดยาววันแรงงาน จำนวนผู้สนใจเดินทางไปยัง สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากทำให้ชาวจีนเดินทางไปได้เลยทันทีเพียงแค่มีเอกสารยืนยันตัวตน
ชวี่หน่าร์ดอตคอม (qunar.com) ผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวออนไลน์ของจีนเปิดเผยว่า ช่วงหยุดยาววันแรงงานของปีนี้ จำนวนการจองตั๋วเครื่องบินมุ่งหน้าสู่ประเทศฟรีวีซ่าหลายแห่งมากขึ้นกว่าของปี 2562 โดยจำนวนการจองตั๋วเครื่องบินเยือนไทยและมาเลเซียอยู่ที่มากกว่า 30% ส่วนคำสั่งจองไกด์ท้องถิ่นในต่างประเทศเพิ่มขึ้นถึง 90% เมื่อเทียบปีต่อปี นอกจากนี้ รายงาน “แนวโน้มการท่องเที่ยวช่วงหยุดยาววันแรงงาน 2024” จากฟลิกกี (Fliggy) แพลตฟอร์มบริการการท่องเที่ยวของอาลีบาบา ระบุว่าการจองบริการที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางขาออกโตแกร่งเกือบ 100% ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากปีก่อนหน้า โดยกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย ขึ้นแท่นเป็นจุดหมายปลายยอดนิยมในต่างประเทศ
ไต้ปิน ผู้อำนวยการสถาบันการท่องเที่ยวแห่งประเทศจีนกล่าวว่า “กลุ่มพันธมิตรฟรีวีซ่า” จะทำให้จีนร่วมกับ สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย สามารถสร้างตลาดการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนได้ และได้รับประโยชน์จากจุดแข็งของกันและกัน และกลายเป็นรูปแบบตลาดการท่องเที่ยว “หนึ่งเมือง หลายปลายทาง” ได้แก่ “จีน” บวก “สิงคโปร์-มาเลเซีย-ไทย” ฉายภาพของการท่องเที่ยวในภูมิภาคที่เดินทางไปมาระหว่างกันได้อย่างอิสระ และต่อยอดสู่การพัฒนาการท่องเที่ยวระหว่างประเทศให้ดียิ่งขึ้นในยุคใหม่
นอกจากนี้ เมืองชายแดนจีน-เวียดนามอย่างเมืองตงซิง ผิงเสียง และต้าซินของกว่างซี ก็ได้รับความนิยมในการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไกด์นำเที่ยวชาวเวียดนามคนหนึ่งชูธงผืนเล็ก นำนักท่องเที่ยวชาวเวียดนาม 19 คนข้ามสะพานแม่น้ำเป่ยหลุน ตามแนวพรมแดนระหว่างเมืองตงซิงของจีนและเมืองหม่องก๋ายของเวียดนาม หลังนักท่องเที่ยวเวียดนามผ่านพิธีการศุลกากรสำหรับคณะทัวร์อย่างรวดเร็ว ก็เริ่มต้นทริปเที่ยวเมืองตงซิงระยะเวลาหนึ่งวันได้ทันที
ทั้งนี้ จุดตรวจสอบชายแดนขาเข้าและขาออกของกว่างซีคาดการณ์ว่าช่วงหยุดยาววันแรงงานปีนี้ ด่านตรวจชายแดนตงซิงรองรับนักเดินทางมากกว่า 140,000 ครั้ง ส่วนด่านชายแดนโหย่วอี้กวนรองรับนักเดินทางมากกว่า 45,000 ครั้ง ขณะที่ด่านตงซิงคาดว่าจะมีกรุ๊ปทัวร์มากกว่า 200 คณะ เดินทางเข้า-ออกจีนต่อวันในช่วงวันหยุดยาวนี้
รายงานการพัฒนาการท่องเที่ยวขาออกของจีน (ปี 2566-2567) จากสถาบันวิจัยการท่องเที่ยวแห่งชาติจีนคาดการณ์ว่า ปริมาณการท่องเที่ยวขาออกของจีนจะสูงแตะ 130 ล้านครั้งในปี 2567 ส่วนรายงานการพัฒนาการท่องเที่ยวขาเข้าของจีน (ปี 2566-2567) ชี้ให้เห็นว่านับตั้งแต่การท่องเที่ยวขาเข้าของจีนกลับมาเริ่มให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในปี 2566 ความต้องการเดินทางมาท่องเที่ยวจีนก็มีมากขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ แวดวงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจีนเชื่อว่าขณะที่ตลาดการท่องเที่ยวขาออกของจีนฟื้นตัวเร็วขึ้น นักท่องเที่ยวชาวจีนจะเดินทางไปต่างประเทศมากขึ้น และนำพลังใหม่ๆ มาสู่ภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในหลายประเทศ นอกจากนี้ เส้นทางบินระหว่างประเทศที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จะช่วยอำนวยความสะดวกสบายในการเข้าประเทศ ห่วงโซ่อุปทานสำหรับการท่องเที่ยวขาเข้าจะสมบูรณ์ขึ้นอย่างต่อเนื่อง จุดหมายปลายทางก็จะมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้การท่องเที่ยวขาเข้าของจีนในปี 2567 มีแนวโน้มที่ดีด้วยเช่นกัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 พ.ค. 67)
Tags: XINHUA, การท่องเที่ยว, จีน, มาเลเซีย, ยกเว้นวีซ่า, สิงคโปร์, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ไทย