นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แสดงวิสัยทัศน์ในงาน 10 เดือนเพื่อไทยไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10 โดยระบุว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่องนั้น ตนเชื่อว่าหัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้สะท้อนความคิดเห็นของประชาชนจากการลงพื้นที่พบปะประชาชน และเชื่อว่าทุกคนปฏิเสธไม่ได้ว่า เรื่องภาระดอกเบี้ยสูงเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นรายจ่ายตัวหนึ่งที่ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ซึ่งเป็นการสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนมากกว่า
ขณะเดียวกันก็เข้าใจถึงความเป็นอิสระของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ได้พูดมาตลอด ซึ่งเราก็พยายามทำงานร่วมกัน และมั่นใจว่าให้เกียรติ ธปท. เมื่อมีข้อเรียกร้องเข้ามาก็ได้เรียกร้องไป ตลอดจนได้พูดคุยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดอกเบี้ยที่ตนคิดว่าควรต้องลดลงมา ซึ่งได้มีการพูดมาตลอด แต่ผู้ว่าการ ธปท.ก็มีเหตุผลและยืนยันไม่ลดดอกเบี้ย ตนจึงเดินหน้าต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการคุยกับ 4 ธนาคารใหญ่ที่ได้ปรับลดดอกเบี้ยลงมาแล้ว จึงเชื่อว่าจะเป็นการยึดโยงกับประชาชนมากกว่า เพราะรัฐบาลรับฟังและลงพื้นที่ตลอด อย่างเช่นวันนี้ก็จะลงพื้นที่ไปจังหวัดร้อยเอ็ด มหาสารคาม โดยรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ส่วนปลายสัปดาห์หน้าจะลงพื้นที่ “4 บุรี” เพื่อรับฟังความเดือดร้อนต่อไปอีก
“ความเป็นอิสระก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ที่มาอยู่ตรงนี้ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ หรือสถาบันการเงิน ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง สส. รวมถึงผู้บริหารพรรคการเมืองทั้งหลายว่าการมาอยู่ตรงนี้ อยู่เพื่ออะไร เหมือนกับที่ตัวเองได้เคยพูดบนเวทีเมื่อวันศุกร์ว่า เรามาอยู่เพื่อประชาชน ส่วนวิธีการแก้ปัญหาหรือจะเรียกร้องอะไรต่างๆ ก็ต้องมีความแตกต่างกันไป ทุกคนมีสิทธิ์จะวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่ผมขอยึดโยงกับประชาชนเป็นหลักก็แล้วกัน” นายเศรษฐา กล่าว
ส่วนความคิดเห็นของรัฐบาลกับ ธปท.ที่ต่างกันจะทำให้เกิดปัญหาในการทำงานร่วมกันหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนตัวมีความกังวลทุกเรื่อง เพราะมาอยู่ตรงนี้ก็ไม่อยากให้มีความขัดแย้ง ตนก็พยายามแก้ไขปัญหาในส่วนที่ทำได้ และเชื่อว่าตามที่นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท.เคยแนะนำมาว่า การประสานงานระหว่างรัฐบาลและ ธปท.นั้นควรผ่านสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ซึ่งเป็นหน่วยงานของกระทรวงการคลัง ให้มีการพูดคุยกัน ซึ่งจะพยายามพูดคุยกันต่อไป
“เรื่องความเห็นต่างก็มีความชัดเจนอยู่แล้ว เรื่องของดอกเบี้ย เรามีหน้าที่อะไรก็ต้องทำหน้าที่ของเราไป ส่วนการแก้ไขหนี้นอกระบบ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ แต่ก็ทราบกันดีว่า การลดดอกเบี้ยทีละสลึง หรือ 50 สตางค์ ก็มีส่วนช่วยอีกส่วนหนึ่งที่เป็นหนี้นอกระบบ ที่ต้องไปแก้ไข และวันนี้เองรัฐบาลก็จะไปฟังเสียงสะท้อนของประชาชนในภาคอีสาน เพราะเรื่องหนี้นอกระบบถือเป็นปัญหาใหญ่ที่กัดกร่อนสังคมไทยมานาน ผมก็เคยพูดมาแล้วหลายเวทีว่า หากคนเป็นหนี้ ทำงานเท่าไหร่ก็ใช้หนี้ไม่พอ แล้วจะทำงานไปทำไม เลยไปพึ่งอาชญากร ไปพึ่งยาเสพติด” นายเศรษฐา กล่าว
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวและใส่ใจเป็นอย่างมาก ส่วนเรื่องของการสื่อสารแต่ละคนก็มีวิธีที่แตกต่างกันไป แต่ตนเชื่อว่ารัฐบาลยึดโยงกับประชาชนเป็นหลัก และนำเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนมาเป็นแนวทางที่จะแก้ไขปัญหาในบริบทที่อาจจะแตกต่างกันไป แต่ยืนยันรัฐบาลให้เกียรติทุกองค์กร หากมีโอกาสก็คงได้เจอกับนายเศรษฐพุฒิ แต่ก็จะมีการคุยผ่าน สคร. แต่ส่วนตัวก็จะปรึกษากับนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลังว่าจะมีการประสานกันตรงไหนอย่างไร เพื่อให้การทำงานดีขึ้น ซึ่งขอยืนยันว่า รัฐบาลพยายามทำงานกับทุกองค์กร ให้การทำงานดีขึ้น ไม่ใช่จะสร้างความขัดแย้ง เพราะหากขัดแย้งกันแล้วผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คือประชาชน และจะไม่เป็นผลดีตามมา ซึ่งมีหลายวิธีที่จะสื่อสารกับผู้ว่าการ ธปท.ได้
ส่วนที่ฝ่ายค้านชี้การพูดของ น.ส.แพทองธาร เป็นการบีบผู้ว่าการ ธปท.ให้เห็นด้วยกับนโยบายของพรรคเพื่อไทยนั้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ตนไม่เคยบีบอะไรใคร ไปย้อนฟังคำพูดในงานวันนั้นได้ แต่เป็นการสะท้อนถึงความต้องการของประชาชนว่าวิธีการแก้ปัญหามีอะไร
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 พ.ค. 67)
Tags: การเมือง, ธนาคารแห่งประเทศไทย, ธปท., พรรคเพื่อไทย, อุ๊งอิ๊ง, เศรษฐกิจไทย, เศรษฐา ทวีสิน, แบงก์ชาติ, แพทองธาร ชินวัตร