“เศรษฐา” ชี้ 10 เดือนเป็นเวลาพิสูจน์ผลงาน ย้ำ 4 ปีมุ่งยกระดับความเป็นอยู่ปชช.ดีขึ้น

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แสดงวิสัยทัศน์ตลอดจนความคืบหน้านโยบายด้านต่างๆ ในงาน “10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10” ซึ่งจัดขึ้นที่พรรคเพื่อไทยว่า ในช่วง 1 ปีกว่าที่ก้าวเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ได้ลงพื้นที่หาเสียงรับฟังปัญหาของประชาชน ในช่วงก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง และช่วงเวลาที่จัดตั้งรัฐบาล อาจมีหลายอย่างขัดกับสายตา ตลอดจนมีการสร้างวาทะกรรมต่างๆ แต่เชื่อว่าหลังจากที่พรรคเพื่อไทยได้ฟอร์มรัฐบาล เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล 314 เสียง และมีความมุมานะในการทำงาน ดูแลประชาชนทุกคนอย่างทั่วถึงและเต็มที่เท่าที่จะสามารถทำได้ ซึ่งเชื่อว่า 10 เดือนที่ผ่านมา เป็นที่ประจักษ์แล้ว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พอเข้ามาเป็นรัฐบาลซึ่งตรงกับช่วงฤดูฝน ได้มีโอกาสลงพื้นที่อุบลราชธานี และได้ทราบว่า จ.อุบลราชธานี เกิดปัญหาน้ำท่วมมาโดยตลอด จึงได้หารือกับกรมชลประทาน และแม้จะมี รมว.เกษตรและสหกรณ์ ที่อยู่ต่างพรรค แต่ก็สามารถประสานงานกันด้วยดี มีการจัดบริหารจัดการชลประทานที่ดีขึ้น และสิ่งที่ตามมา คือ ปีนี้อุบลราชธานีน้ำไม่ท่วม

ขณะที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีปัญหาความไม่สงบมาอย่างต่อเนื่องนั้น ฝ่ายความมั่นคงได้พยายามอย่างเต็มที่ในการจัดการกับปัญหาเหล่านี้ แต่รัฐบาลเองก็มีอีกมิติที่ต้องดูแล นั่นคือเรื่องของความมั่งคั่ง มีการดูแลเรื่องของการเปิดด่านชายแดน เพื่อให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น

ส่วนราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้น รัฐบาลให้ความสำคัญเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นพืชหลักหรือพืชรอง โดยได้มีการพูดคุยกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ แล้วว่าต้องดูแลพืชรองในจังหวัดต่างๆ เพื่อให้ราคาพืชผลทางการเกษตรไม่ตกต่ำ และต้องมีการเปิดตลาดใหม่

สำหรับการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ตอนนี้ค่าฝุ่นลดน้อยลง เกิดจากความร่วมมือ การพูดคุยกับหน่วยงานความมั่นคงให้ดูแลเรื่องเผาป่า ซึ่งช่วยทำให้ค่าฝุ่นค่อยๆ ดีขึ้น ยืนยันเป็นเรื่องสิทธิพื้นฐานของทุกคนที่พึงจะได้รับ เช่นเดียวกับสิทธิเสรีภาพในเรื่อง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมฯ ที่เข้าสู่สภาเรียบร้อยแล้ว และน่าจะผ่านได้อย่างรวดเร็ว

ขณะที่งานด้านต่างประเทศนั้น มีตารางงานค่อนข้างแน่นในการเดินทางไปพบปะการพบหารือกับผู้นำและภาคธุรกิจประเทศต่างๆ เพื่อบอกว่าประเทศไทยเปิดแล้ว ต้องมีการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีรายได้มากยิ่งขึ้น

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงรัฐธรรมนูญใหม่ว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เพราะประชาชนมีความต้องการ ซึ่งรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยพร้อมที่จะผลักดันให้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับของประชาชน เพื่อประชาชน โดยประชาชน ซึ่งรัฐบาลเดินหน้ามาตลอด 10 เดือนที่ผ่านมา

ส่วนปัญหาใหญ่อีกเรื่อง คือ การแก้ปัญหาหนี้สิน โดยรัฐบาลได้เจรจากับ 4 ธนาคารขนาดใหญ่ เราคุยกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อขอให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย แม้ยึดความอิสระ แต่การเป็นอิสระนั้น ต้องไม่ใช่อิสระจากความเดือดร้อนของประชาชน

“ได้พูดหารือกันด้วยความสุภาพ หากท่านทำ ก็ดี ถ้าไม่ทำ รัฐบาลก็ต้องหาวิธีอื่น ซึ่งก็มีการลดดอกเบี้ยจากธนาคารให้กับพี่น้องประชาชน รวมถึงหนี้นอกระบบ การจ่ายดอกเบี้ยปีละ 1,000% เราจะอยู่กันได้อย่างไร ยอมรับว่ายังอีกไกล แต่ผมมีความมีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ให้สำเร็จ ภายใน 4 ปี” นายเศรษฐา กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีเวลาเหลืออีก 3 ปีนิดๆ แต่ยังมีนโยบายอีกหลายอย่างที่ต้องทำ และจะต้องพูดคุยกันอย่างจริงจัง เพื่อจะเดินไปให้ถึงจุดหมายที่วางไว้ให้ได้ เราอาจจะต้องมีช่วงเวลาที่ up and down ช่วงเวลาที่เสียใจ ช่วงเวลาที่ดีใจ ไม่ว่าในมิติไหนเราต้องดูแลกัน แต่เชื่อว่า หากทุกคนมีความมุ่งมั่น มีความสามัคคี เข้าใจซึ่งกันและกัน เห็นใจเขา เห็นใจเรา ถนนที่เดินไปข้างหน้า ก็จะสะดวกขึ้น ก็จะง่ายขึ้น

“การทำงานของพวกท่าน สส. รวมกับคณะทำงานในพรรค คณะทำงานในฝ่ายบริหาร 7-8 เดือนที่ผ่านมา เราเกือบไม่มีการประสานงานกันเลย แต่วันนี้เราทำงานกันได้ดีขึ้น จึงอยากให้โฟกัสแต่ส่วนที่ดี 60/40 ผมอยากจะขอ ถ้าเป็นไปได้ให้โฟกัส 60% ที่เรารักกัน ที่เราเข้าใจกัน ที่เรามีความปรารถนาดี และให้มันขยับขึ้นไปมากขึ้นเป็น 61, 62 ไม่ใช่โฟกัส 40% ที่เราไม่พอใจซึ่งกันและกัน แต่ถ้าไม่พอใจกัน จนไปถึง 50% นั่นมันคือปัญหา” นายเศรษฐา กล่าว

พร้อมทิ้งท้ายว่า วันนี้ ตนไม่ได้มาเพื่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่มาอยู่ตรงนี้ เพราะต้องการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนคนไทยทุกคน และมันเป็นหน้าที่ของทุกคนที่อยู่ในที่นี้ เรามาอยู่ด้วยจิตใจที่อิงอยู่กับประชาชน และเชื่อว่านโยบายที่ได้ทำไป เป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วว่าเรามีความตั้งใจจริง แต่ระหว่างทางไปต้องมีช่วง up and down มันเป็นธรรมดาของความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นระหว่างเรากันเองหรือประชาชน แต่เรามีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือดูแลประชาชนให้ดีที่สุด เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตนตระหนักและให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย หรือเป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี หรือเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับว่า 4 ปีแล้ว ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนคนไทยจะดีขึ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 พ.ค. 67)

Tags: , ,
Back to Top