นายภานุวัฒน์ ขันธโมลีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (SPREME) เปิดเผยว่า บริษัทมีความพร้อมอย่างมากที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพยน์ฯ (SET) ในวันที่ 2 พ.ค.นี้ และคาดนักลงทุนจะให้การตอบรับเป็นอย่างดี โดยเตรียมนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ไปใช้ในเป็นเงินทุนรองรับการประมูลโครงการที่มีขนาดใหญ่, ลงทุนซื้อกิจการ (M&A) เพื่อต่อยอดธุรกิจเดิมของบริษัทฯ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 67 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 15% เป็นไปตามธุรกิจหลักของบริษัทฯ ได้แก่ ธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบเครือข่าย (ธุรกิจจำหน่ายและติดตั้ง), ธุรกิจให้บริการดูแลบำรุงรักษาและซ่อมแซมระบบคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่อพ่วง (ธุรกิจ MA), ธุรกิจให้เช่าระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง (ธุรกิจให้เช่า) โดยมองว่างานประมูลภาครัฐด้านการศึกษา จะออกมาในครึ่งปีหลังนี้ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่เร่งเบิกจ่าย ซึ่งจะเป็นในส่วนของการศึกษาราว 1,000 ล้านบาท/ปี
ขณะที่บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการในธุรกิจที่จะเข้ามาต่อยอดจากธุรกิจเดิม ให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้นราว 2-3 ราย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้เร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม M&A ดังกล่าวยังไม่ได้นับรวมกับเป้าหมายรายได้ในปีนี้ หากสามารถปิดดีลได้ก็คาดว่ารายได้จะเติบโตได้มากกว่าเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน
ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากภาคเอกชน อยู่ราว 70% และภาครัฐ 30% โดยวางเป้าหมายในอนาคตสัดส่วนภาคเอกชนจะอยู่ที่ 50% และภาครัฐ ขยับขึ้นมาที่ 50% เนื่องจากบริษัทฯ ต้องการเข้ารับงานโดยตรงจากภาครัฐมากขึ้น
ด้านนายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า SPREME ถือเป็นบริษัทที่มีความเสี่ยงต่ำมาก โดยมีความเสี่ยงเพียงงบประมาณด้านการศึกษาของภาครัฐที่ออกมาน้อย แต่จากข้อมูลในอดีตงบจะไม่น้อยไปกว่า 800-1,000 ล้านบาท/ปี ขณะที่เป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้ดอกเบี้ย ซึ่งภายหลังจากการเข้าจดทะเบียนใน SET D/E จะลดลงเหลือเพียง 0.08 เท่า
กำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 2.60 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio : P/E) เท่ากับ 12.29 เท่า คำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.66 เท่ากับ 156.59 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดหลัง IPO ซึ่งเท่ากับ 740 ล้านหุ้น (Fully Diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.21 บาทต่อหุ้น
ขณะที่ราคา Consensus อยู่ที่ 4.80-5.00 บาท ซึ่งมีส่วนลดค่อนข้างมาก
SPREME ประกอบธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร โดยเป็นผู้ออกแบบ ติดตั้ง และจัดจำหน่ายระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบเครือข่าย อย่างครบวงจร (System Integrator) พร้อมทั้งให้บริการซ่อมแซม บำรุงรักษาและการให้เช่าอุปกรณ์ มีจุดเด่น คือ บริษัทฯ มีความรู้ความชำนาญในการประมูลงานและดำเนินการงานโครงการระบบสารสนเทศกับภาครัฐมากว่า 20 ปี ตั้งแต่ปี 2545 จึงทำให้บริษัทฯ ได้รับความเชื่อมั่น จากหน่วยงานของภาครัฐโดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการที่บริษัทฯ ประมูลงานได้อย่างสม่ำเสมอ
บริษัทฯ เป็นพันธมิตรกับคู่ค้ารายใหญ่ซึ่งเป็นผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงในระดับสากลจำนวนหลายราย อาทิ HP, Lenovo, Acer, Apple, Intel, DELL, Epson, Canon, Brother, LG, Xerox, Samsung, Cisco, D-Link, Aruba, Axis, Boss, Honeywell, Microsoft และ VMWare ทำให้สามารถจัดหาผลิตภัณฑ์ได้ตรงตามความต้องการของลูกค้า ทั้งในด้านคุณภาพสินค้าและจำนวนในการส่งมอบอย่างตรงต่อเวลายึดถือหลักการตอบสนองความต้องการูของกลุ่มลูกค้าอย่างครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบ จัดหาสินค้าเพื่อส่งมอบ ติดตั้งระบบ และงานบริการหลังการขาย
ธุรกิจของบริษัทมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะหน่วยงานการศึกษา ซึ่งจะต้องพึ่งพาระบบเทคโนโลยีสาริสนเทศที่มีประสิทธิภาพ ทันสมัยอยู่เสมอ เพื่อส่งเสริมศักยภาพทางด้านการศึกษาได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายจาก Microsoft ในการจำหน่าย Software ด้านการศึกษา ทำให้มีข้อได้เปรียบด้านราคาในการแข่งขันกับคู่แข่ง
ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งมีสภาพคล่องกระแสเงินสดค่อนข้างสูงใช้ แหล่งเงินทุน จากส่วนของเจ้าของทั้งหมด ไม่มีภาระเงินกู้จากสถาบันการเงิน การบริหารสภาพคล่องที่มีประสิทธิภาพ จากการเจรจาต่อรองกับลูกค้าและคู่ค้า ส่งผลให้วงจรเงินสด (Cash Cycle) ติดลบ ซึ่งหมายถึงความสามารถในการขายสินค้าและเรียกชำระเงินจากลูกค้าได้เร็วกว่าระยะเวลาการชำระเงินให้กับคู่ค้า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 เม.ย. 67)
Tags: SPREME, ภานุวัฒน์ ขันธโมลีกุล, สุพรีม ดิสทิบิวชั่น