กนอ.โชว์ยอดขาย-เช่าที่ดิน H1/67 ทะลุเป้าทั้งปี เดินหน้ากระตุ้นลงทุนเพิ่ม

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เผยผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2567 (ต.ค.66-มี.ค.67) มียอดขาย/เช่าพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม 3,946 ไร่ จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 2,975 ไร่ คิดเป็นเพิ่มขึ้น 32.64% แบ่งเป็น พื้นที่ในเขตพัฒนาพิศษภาคตะวันออก (EEC) จำนวน 3,472 ไร่ และนอกพื้นที่ EEC จำนวน 474 ไร่ รวมมูลค่าการลงทุน 158,372 ล้านบาท เกินกว่าเป้าหมายของปีงบประมาณ 2567 ที่ตั้งเป้าไว้ที่ 3,000 ไร่แล้ว

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าฯ กนอ. กล่าวว่า ยอดขาย/เช่าที่ดินพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมครึ่งปีแรกปีงบประมาณ 2567 ทะลุเป้า ทั้งที่ยังเหลืออีกครึ่งปี พร้อมจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายดึงดูดนักลงทุนใน 2 นิคมอุตสาหกรรม เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนเพิ่มเติม ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมสมาร์ท ปาร์ค (Smart Park) จังหวัดระยอง และนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ ในส่วนของ Rubber City ดังนี้

– นิคมอุตสาหกรรมสมาร์ท ปาร์ค ระยะเวลาโปรโมชั่นตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.66 – 27 ธ.ค.67 ได้รับสิทธิประโยชน์ ยกเว้นค่าเช่าที่ดิน 1 ปี ยกเว้นค่าบริการบำรุงรักษาสิ่งอำนวยความสะดวก 1 ปีแรก โดยมีเงื่อนไข คือ ทำสัญญาเช่าที่ดินเพื่อประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรมตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.66 – 27 ธ.ค.67 วางหลักประกันการเช่าที่ดินเป็นเงินสดหรือหนังสือค้ำประกันเต็มจำนวน มูลค่าสองเท่าของค่าเช่ารายปี ห้ามให้เช่าช่วงหรือโอนสิทธิการเช่าที่ดินบางส่วนหรือทั้งหมดภายใน 2 ปี แจ้งเริ่มประกอบกิจการภายใน 3 ปี และมีระยะเวลาการเช่าที่ดินไม่น้อยกว่า 10 ปี โดยเงื่อนไขและข้อกำหนดทั้งหมดเป็นไปตามที่ กนอ.กำหนด

– นิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ ในส่วนของ Rubber City ระยะเวลาจัดโปรโมชั่นระหว่างวันที่ 15 มี.ค.67 – 30 ก.ย.67 โดยให้สิทธิประโยชน์ทั้งผู้ประกอบกิจการใหม่ และผู้ประกอบกิจการเดิม ซึ่งผู้ประกอบกิจการใหม่ จะได้รับส่วนลด 3% จากราคาขายที่ดิน ขณะที่ผู้ประกอบกิจการเดิม จะได้รับส่วนลด 5% จากราคาขายที่ดิน มีเงื่อนไข คือ ทำสัญญาจะซื้อจะขายหรือสัญญาซื้อขายที่ดินเพื่อประกอบกิจการ ชำระค่ามัดจำไม่น้อยกว่า 15% ของมูลค่าที่ดิน แจ้งเริ่มประกอบกิจการภายใน 3 ปี ห้ามขายหรือโอนที่ดินภายใน 9 ปี เว้นแต่ได้รับอนุญาตจาก กนอ.กรณีไม่ปฏิบัติตาม กนอ.มีสิทธิ์ยกเลิกมาตรการ ยึดเงินมัดจำ และเรียกร้องค่าเสียหายได้

โครงการท่าเรือมาบตาพุด-Smart Park คืบหน้าตามเป้า

นายวีริศ กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ล่าสุดมีความคืบหน้าอยู่ที่ 87.33% (ข้อมูล ณ วันที่ 19 เม.ย.67) ซึ่งการถมทะเลและก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานคาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2567 และสามารถก่อสร้างท่าเรือก๊าซฯ ได้ในช่วงต้นปี 2568 ก่อนที่จะพร้อมเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2570 ขณะที่การก่อสร้างโครงการฯ ในช่วงที่ 2 อยู่ระหว่างทบทวนรายงานผลการศึกษา (feasibility study) เพื่อคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนพัฒนาก่อสร้างท่าเทียบเรือสินค้าเหลวและพื้นที่หลังท่า

ขณะที่โครงการนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ท ปาร์ค (Smart Park) มีความก้าวหน้า 84.81% (ณ วันที่ 22 เม.ย.67) คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ตามแผนที่วางไว้ในปี 2567 มีนักลงทุนจากหลายประเทศให้ความสนใจเข้ามาลงทุน ล่าสุดนักลงทุนจากจีนสนใจเช่าที่ดินแบบเหมาแปลงใหญ่ เพื่อประกอบกิจการในกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (New S-Curve) ทั้งนี้ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จคาดว่าจะเกิดการจ้างงาน 7,459 คน มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจพื้นที่กว่า 1,342 ล้านบาทต่อปี

 

ขยายผลแพลตฟอร์ม Digital Twin อีก 13 แห่ง

ผู้ว่าการ กนอ.กล่าวว่า ได้ปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์ของโลก โดยการเข้าสู่ระบบ Digital Transformation ผ่านการดำเนินงานโครงการ Digital Twin ซึ่งเป็น Platform พื้นฐานที่อยู่บนระบบดิจิทัล เชื่อมโยงข้อมูลจากอุปกรณ์เซ็นเซอร์ กล้องวงจรปิด ระบบไฟฟ้า ระบบน้ำ ระบบขนส่ง และข้อมูลอื่นๆ เข้าด้วยกัน แสดงผลแบบ Real Time บนแพลตฟอร์มดิจิทัล ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถวิเคราะห์ข้อมูล ตัดสินใจ และบริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นการยกระดับการบริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรมสู่ยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ กนอ.ได้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม Digital Twin ต้นแบบแห่งแรกขึ้นที่นิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร โดยเชื่อมโยงกับระบบ IOT ต่างๆ ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม และระบบงานอื่นๆ ของ กนอ. เช่น ระบบอนุมัติอนุญาตทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-PP), ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS), ระบบฐานข้อมูลสนับสนุนการระงับเหตุ (DSS), ระบบตรวจวัดมลพิษทางอากาศ (CEMs), โครงการตามเกณฑ์ SMART I.E. ฯลฯ พร้อมทั้งพัฒนาระบบการวิเคราะห์ข้อมูล โดยเชื่อมโยงข้อมูลจากอุปกรณ์ที่ติดตั้งไปประมวลผลเพื่อบริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรม

ปัจจุบันได้ขยายผลไปยังนิคมอุตสาหกรรมอื่นๆ อีก 13 แห่งของ กนอ. รวมทั้งปรับปรุงระบบ Interface ให้สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น ตลอดจนพัฒนาทักษะให้กับบุคลากร คาดว่าจะทำให้ได้ธุรกิจใหม่ที่สร้างรายได้กว่า 584 ล้านบาท ลดระยะเวลาการดำเนินการจากการรับส่งข้อมูลระหว่างหน่วยงานได้กว่า 95% เช่น จาก 1-2 วัน เหลือเพียง 1-5 นาที ดึงดูดการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น และยังเป็นการสนับสนุนมาตรการด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย

เดินหน้าจัดตั้ง “สถาบัน กนอ.” ยกระดับนิคมฯไทย

ขณะเดียวกัน กนอ.ได้เดินหน้าจัดตั้งสถาบัน กนอ. (I-EA-T Institute) เพื่อยกระดับนิคมอุตสาหกรรมไทยสู่ความอัจฉริยะ พัฒนาทักษะแรงงาน ผลักดันผู้ประกอบการสู่อนาคต ตอบโจทย์นักลงทุนต่างชาติ สร้างจุดแข็งให้กับประเทศ โดยมุ่งเน้น 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1.พัฒนาทักษะแรงงาน พัฒนาหลักสูตรอบรม ทดสอบวัดผลฝีมือแรงงาน รับรองฝีมือแรงงาน 2.พัฒนานิคมอุตสาหกรรม ยกระดับนิคมอุตสาหกรรม เน้นพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ (Smart I.E.) และ 3.สร้างเครือข่ายเชื่อมโยงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งที่ผ่านมา กนอ.เปิดหลักสูตรผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมมืออาชีพ (I-EA-T Orientation) มาแล้ว 2 รุ่น ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการและผู้พัฒนาเป็นอย่างมาก

 

เตรียมแผนรับมือสถานการณ์น้ำในพื้นที่ EEC

ส่วนการเตรียมรับมือกับสถานการณ์น้ำในภาคอุตสาหกรรมนั้น ล่าสุดได้รับรายงานเมื่อวันที่ 18 เม.ย.67 ในพื้นที่ EEC มีความต้องการน้ำที่ 1.5 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน โดยมีน้ำสำรอง 1.18 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ขณะที่ภาคเกษตรมีสิทธิ์ใช้น้ำก่อนภาคอุตสาหกรรม โดยน้ำในอ่างเก็บน้ำหลัก 4 แห่ง อยู่ที่ระดับ 52.05% คาดว่าเพียงพอจนถึงฤดูฝน

อย่างไรก็ตาม กนอ.ได้เตรียมแผนรับมือภัยแล้งไว้แล้ว โดยมีสระพักน้ำดิบ 1.6 ล้านลูกบาศก์เมตร สูบน้ำจากคลองน้ำหู คลองทับมา 30,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน สามารถผลิตน้ำรีไซเคิล 5,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซื้อน้ำจากเอกชน 125,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และ กนอ.ยังรณรงค์ให้ใช้น้ำอย่างประหยัด โดยวิธีลดน้ำสูญเสียและนำหลักการ 3R (Reduce Reuse Recycle) มาใช้ด้วย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 เม.ย. 67)

Tags: , , ,
Back to Top