หุ้น “ฉาไป่เต้า” ผู้ผลิตชานมไข่มุกชื่อดังของจีนร่วง 40% บ่งชี้ดีมานด์ลงทุนลดฮวบ

news

หุ้นบริษัทเสฉวน ไป่ฉา ไป่เต้า อินดัสเทรียล (Sichuan Baicha Baidao Industrial) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ฉาไป่เต้า” ร่วงลง 40% ในการซื้อขายวันแรกที่ตลาดหุ้นฮ่องกงในวันนี้ (23 เม.ย.) ซึ่งบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่ลดน้อยลงสำหรับหุ้นของบรรดาบริษัทที่ผลิตชานมไข่มุกที่ได้รับความนิยมอย่างมาก

ราคาหุ้นฉาไป่เต้า ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดที่ 15.74 ดอลลาร์ฮ่องกงในการซื้อขายช่วงเช้านี้ หลังจากบริษัทเสนอขายหุ้นในราคาหุ้นละ 17.50 ดอลลาร์ฮ่องกง โดยฉาไป่เต้าซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มชารายใหญ่อันดับ 3 ของจีนเมื่อพิจารณาจากยอดขายนั้น ระดมทุนได้ราว 2.59 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง (331 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในการนำหุ้นเสนอขายต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (IPO) ครั้งใหญ่ที่สุดในปีนี้

ฉาไป่เต้า ซึ่งมีความหมายว่า “ชา 100 ชนิด” ได้เข้ามาระดมเงินทุนในช่วงเวลาที่การเสนอขายหุ้นใหม่ในตลาดหุ้นฮ่องกงเป็นไปอย่างซบเซา และเกิดขึ้นในขณะการแข่งขันในธุรกิจภาคส่วนนี้เป็นไปอย่างดุเดือด

การทำผลงานที่ย่ำแย่ของหุ้นฉาไป่เต้าอาจจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของบรรดาผู้ประกอบการเครือข่ายเครื่องดื่มชา เช่นบริษัทหูหนาน ฉาเยว คัลเจอรัล อินดัสทรี ดิเวลลอปเมนท์ กรุ๊ป (Hunan Chayue Cultural Industry Development Group) หรือที่รู้จักการในชื่อ เซ็กซี่ ที (Sexy Tea) และบริษัทมี่เสวี่ย (Mixue Group) ในการที่จะเข้ามาระดมเงินทุนในตลาดหุ้น

ข้อมูลจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กระบุว่า บริษัทผลิตชาของจีน 10 แห่งที่เข้ามาทำ IPO ในตลาดหุ้นฮ่องกงนั้น สามารถระดมทุนได้อย่างน้อย 300 ล้านดอลลาร์ฮ่องกงในช่วงกว่า 2 ปีที่แล้ว โดยราคาหุ้นของบริษัทเหล่านี้ลดลงโดยเฉลี่ย 2.6% ในการซื้อขายวันแรก

ชานมไข่มุกซึ่งเป็นเครื่องดื่มชาผสมเม็ดที่ทำจากมันสำปะหลังซึ่งมีความเหนียวหนึบนั้น ได้รับความนิยมอย่างมากและทำให้เกิดมหาเศรษฐีจำนวนมากในประเทศจีนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี การแข่งขันที่สูงขึ้นทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กต่างพากันถอนตัวออกจากธุรกิจนี้

ผู้ก่อตั้งบริษัทฉาไป่เต้าได้เริ่มเปิดร้านชานมไข่มุกสาขาแรกในจีนเมื่อปี 2551 ในเมืองเฉิงตู เมืองหลวงของมณฑลเสฉวน จากนั้นบริษัทเริ่มขายแฟรนไชส์ในปี 2561 ซึ่งเป็นปีที่ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีจำนวนร้านทั่วประเทศจีนกว่า 8,000 แห่ง ต่อมาในเดือนม.ค.ปีนี้ ฉาไป่เต้าเริ่มเปิดสาขาในกรุงโซล ซึ่งเป็นสาขาแรกนอกประเทศจีน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 เม.ย. 67)

Tags: ,
Back to Top