เงินบาทเปิด 36.90 แนวโน้มอ่อนค่า เกาะติดสถานการณ์ตึงเครียดในตอ.กลาง

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 36.90 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าเล็กน้อยจากปิดสัปดาห์ก่อนที่ระดับ 36.86 บาท/ดอลลาร์ สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินผันผวนหนักและอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดและความตึงเครียดในตะวันออกกลาง

ส่วนสัปดาห์นี้ ประเมินว่าสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องจับตา นอกจากนี้ ควรรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อสหรัฐ (PCE) รวมถึงดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการ ของสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่นแนวโน้มของค่าเงินบาท มองว่า โมเมนตัมฝั่งอ่อนค่ายังมีอยู่ โดยต้องจับตาทิศทางเงินดอลลาร์ และแรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติ นอกจากนี้ โฟลว์จ่ายปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติ (ราว 1.6 หมื่นล้านบาท) สามารถกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลง
ได้

ทั้งนี้ ควรจับตาทิศทางราคาทองคำ และราคาพลังงาน ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่พร้อมจะกลับมาร้อนแรงขึ้นได้ทุกเมื่อนายพูน คาดกรอบเงินบาทวันนี้ จะอยู่ที่ระดับ 36.80-37.00 บาท/ดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 154.60 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 154.50/54 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0667 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.0661/0665 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 36.869 บาท/ดอลลาร์
  • โฆษกกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรได้ยกร่างกฎหมายเพื่อจัดเก็บภาษีบริษัทข้ามชาติ เพื่อป้องกันการถ่ายโอนกำไรไปยังบริษัทในเครือที่อยู่ในประเทศที่มีฐานภาษีต่ำกว่าแล้ว โดยร่างกฎหมายดังกล่าวเรียกว่า ร่าง พ.ร.บ.ภาษีส่วนเพิ่ม ซึ่งสอดคล้องกับมติขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) และจี 20 ที่เป็นกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศที่มีสมาชิก 140 ประเทศ และไทยเป็นสมาชิกในนั้นด้วย
  • เอกชนโอดขึ้นดีเซล ทำต้นทุนพุ่งทุกอย่าง ทั้งน้ำมันพ่วงปลายปีค่าแรง 400 บาทอีก แบกต้นทุนอ่วม ชี้ส่วนใหญ่ยังกัดฟันตรึงราคาสินค้าต่อเหตุกำลังซื้อประชาชนทรุด ลั่น ถ้ารับไม่ไหวลดการผลิตลง จี้ รัฐบาลรณรงค์ช่วยกันประหยัดพลังงาน ด้านนักวิชาการมองเพดานดีเซล ไม่ควรทะลุ 32 บาทต่อลิตร แนะ ทยอยปรับอย่าพรวดเดียว ไม่เช่นนั้นรัฐบาลไปไม่รอดแน่ ย้ำ ทุก 50 สตางค์ที่ปรับขึ้น ดูดเงินออกจากกระเป๋าคนไทย 1 พันล้านบาท แถมทำกำลังซื้ออ่อนแอ วอนรัฐเร่งอัดฉีดเงินเข้าระบบ ขณะที่ “พีระพันธุ์” เผย เร่งร่างกฎหมาย-รื้อโครงสร้างพลังงานด้วยตัวเอง หวังให้รัฐบาลคุมราคาเอง หลังผ่านมา 51 ปีไม่เคยมีใครคิดปรับปรุง-แก้ไข ลั่น ต่อไปผู้ค้าต้องแจ้งต้นทุน โว เสร็จทันรัฐบาลนี้ชัวร์
  • ตลท.ชี้หุ้นไทยร่วงตามภูมิภาคหวั่นตะวันออกกลางตึงเครียด ฟันด์โฟลว์ไหลหาผลตอบแทนสูง เดินหน้าผนึกองค์กรเอกชนปั้นพื้นฐานกำไร ด้านสมาคมนักวิเคราะห์ มองระยะกลางหุ้นน่าเก็บ แนะกระจายพอร์ต โบรกคาดสงครามไม่ขยายวง แต่ยืดเยื้อ แนะถือเงินสดรอ พร้อมประเมินหุ้นไทยบนสถานการณ์นี้ไม่หลุด 1,300 จุด ถ้าจบไวกลับ 1,400 จุด แต่หากลุกลามเหลือ 1,210 จุด
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ทั้งประเภท 1 ปีและ 5 ปีในวันนี้ (22 เม.ย.) หลังจากที่ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยที่ผ่านมา PBOC พยายามหลีกเลี่ยงการอัดฉีดเงินสดหมุนเวียนในระบบการเงินมากเกินไปโดยที่เงินสดนั้นไม่ได้ไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจที่แท้จริงของจีน และยังสะท้อนให้เห็นว่า PBOC ยังคงมีความระมัดระวังที่จะใช้นโยบายการเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และมีความตั้งใจที่จะพยุงค่าเงินหยวน
  • กระทรวงพาณิชย์จีน เปิดเผยว่า มูลค่าการลงทุนของต่างชาติในจีนหดตัวลง 26.1% เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาสแรกของปีนี้ สู่ระดับ 3.017 แสนล้านหยวน (4.17 หมื่นล้านดอลลาร์) โดยข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าจีนยังไม่ประสบความสำเร็จในการดึงดูดบริษัททั่วโลก
  • ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กล่าวเมื่อวันศุกร์ (19 เม.ย.) ว่า BOJ มีแนวโน้มอย่างมากที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก หากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงเพิ่มขึ้น โดยเน้นย้ำว่าการตัดสินใจในอนาคตจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเงินเฟ้อ
  • ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (19 เม.ย.) ขณะที่ฟรังก์สวิสและเยนซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัยได้ลดช่วงบวกลง หลังอิหร่านส่งสัญญาณว่า ไม่มีแผนการที่จะตอบโต้อิสราเอลแต่อย่างใด หลังจากที่สื่อรายงานว่า อิสราเอลได้ทำการโจมตีอิหร่านในวงจำกัด
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (19 เม.ย.) และปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับการโจมตีตอบโต้ระหว่างอิหร่านและอิสราเอล ได้กระตุ้นแรงซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 15.80 ดอลลาร์ หรือ 0.66% ปิดที่ 2,413.80 ดอลลาร์/ออนซ์ และปรับตัวขึ้น 1.97%
  • ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุในรายงานเสถียรภาพด้านการเงินรายครึ่งปีว่า บรรดานักลงทุน และผู้สังเกตการณ์ในตลาดการเงินมองว่า อัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินคาด ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงนั้น ถือเป็นความเสี่ยงมากที่สุดต่อเสถียรภาพด้านการเงิน
  • ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลข GDP ไตรมาส 1/2567 (ประมาณการเบื้องต้น), ยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมี.ค.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 เม.ย. 67)

Tags: , ,
Back to Top