ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 16 ม.ค.50 เรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกรให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ตรงตามเจตนารมณ์ของมติ ครม.ดังกล่าว โดยไม่กระทบต่อฐานะทางการเงินของ ธ.ก.ส. และมีความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน รวมถึงป้องกันผลกระทบที่เกิดขึ้นกับ ธ.ก.ส. โดยให้ถือใช้ข้อความตามที่ปรับปรุงแล้ว แทนข้อความตามมติ ครม.เดิมตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
“มีเกษตรกรบางราย เมื่อรู้ว่าได้รับการผ่อนปรนเช่นนี้แล้ว ก็ไม่ให้ความร่วมมือในการชำระหนี้ที่เหลือ ทำให้หลายคดีไม่สามารถดำเนินการได้จนหมดอายุความ…ธ.ก.ส.จึงขอเสนอแก้ไขมติครม. เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาหนี้สินคงค้างของเกษตรกรได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
ที่ผ่านมา ธ.ก.ส.ได้ปฏิบัติตามมติ ครม.ดังกล่าวเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน และได้วางกรอบแนวปฏิบัติเพื่อให้ส่วนงานในพื้นที่ดำเนินการเรื่อง การงดการดำเนินคดีบังคับคดีและการขายทอดตลาด โดยในการชะลอการฟ้องร้องดำเนินคดี การบังคับคดี และการขายทอดตลาดทรัพย์สินของเกษตรกร มีผลใช้บังคับมาเป็นระยะเวลากว่า 17 ปี สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) และหน่วยงานอื่นที่ได้รับมอบหมายได้ใช้ประโยชน์จากมติ ครม.ดังกล่าวมาเป็นระยะเวลาพอสมควรแล้ว แต่ยังไม่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกรได้อย่างเป็นรูปธรรม และในทางตรงกันข้าม กลับก่อให้เกิดผลกระทบตามมาอีกหลายประการ
กระทรวงการคลัง มีความจำเป็นต้องขอเสนอการทบทวนมติ ครม. โดยปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำของมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ ธ.ก.ส.สามารถปฏิบัติงานได้อย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และยังคงไว้ซึ่งเจตนารมณ์ของมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ที่ต้องการแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกร โดยมีรายละเอียดการขอทบทวนปรับปรุงดังนี้
1.ให้ ธ.ก.ส. สหกรณ์การเกษตร หน่วยงานภายใต้ ธ.ก.ส. รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีของเกษตรกร ดำเนินการ ดังนี้
1.1 เรื่องที่ยังมิได้มีการฟ้องร้อง ให้ชะลอการฟ้องร้องไว้ก่อน เว้นแต่กรณีหนี้นั้นจะขาดอายุความฟ้องร้อง หรือไม่สามารถแก้ไขเพื่อมิให้หนี้ขาดอายุความโดยวิธีอื่นใดได้
1.2 เรื่องที่มีการฟ้องร้องดำเนินคดีและคดีถึงที่สุดแล้ว ให้ชะลอการบังคับคดีไว้ก่อน เว้นแต่กรณีที่ลูกหนี้ไม่สามารถปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลได้ และไม่สามารถเจรจาแก้ไขหนี้ร่วมกันกับสถาบันการเงินได้ ให้ดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาต่อไป
1.3 คดีที่มีการบังคับคดีไว้แล้ว และจะต้องมีการขายทอดตลาดทรัพย์สินของเกษตรกร ให้ชะลอการขายทอดตลาดไว้ก่อน เฉพาะกรณีที่ยังไม่พ้นระยะเวลาบังคับคดีเท่านั้น โดยเมื่อมีการชะลอการขายทอดตลาดแล้ว จะต้องมีอายุบังคับคดีคงเหลือไม่น้อยกว่า 3 ปี
ทั้งนี้ให้ ธ.ก.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีของเกษตรกร สามารถกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการปฏิบัติในการดำเนินการตามข้อ 1.1-1.3 ได้ โดยพิจารณาถึงสภาพปัญหาของลูกหนี้เกษตรกรแต่ละรายเป็นสำคัญ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 เม.ย. 67)
Tags: ครม., ชัย วัชรงค์, ธ.ก.ส., ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร, ประชุมครม., เกษตรกร