ครม.ไฟเขียววีซ่าฟรีถาวรนักท่องเที่ยวคาซัคสถาน

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ความเห็นชอบการจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐคาซัคสถานว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ

“ก่อนหน้านี้ ครม.เคยมีมติวีซ่าฟรีให้กับนักท่องเที่ยวคาซัคสถานไปสองรอบแล้ว แต่มีระยะเวลาเป็นการชั่วคราว เช่น ให้เข้ามาเป็นระยะเวลา 30 วัน ในรอบ 180 วันจะเข้ามากี่ครั้งก็ได้ แต่ครั้งหนึ่งต้องไม่เกิน 30 วัน และรวมกันแล้วให้อยู่ได้ไม่เกิน 90 วัน ที่ผ่านมาไม่มีปัญหาอะไร นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากขึ้น เที่ยวนี้จึงเสนอให้เปิดวีซ่าฟรีเป็นการถาวรตลอดไป” นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศคาซัคสถาน มีกำหนดจะเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 21-24 เม.ย.นี้ โดยทั้งสองประเทศเห็นชอบที่จะจัดให้มีการลงนามความตกลงเรื่องดังกล่าวในวันที่ 23 เม.ย.67 เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของทั้งสองฝ่าย

สาระสำคัญของร่างความตกลงฯ เป็นการระบุรายละเอียดและเงื่อนไขของการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาระหว่างไทยและคาซัคสถาน โดยผู้ถือหนังสือเดินทางที่มีอายุการใช้งานได้ไม่ต่ำกว่า 6 เดือนนับจากวันที่เดินทางเข้าของรัฐภาคี (ไทยและคาซัคสถาน) จะได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับการเดินทางเข้า เดินทางออกจาก เดินทางผ่าน และพำนักอยู่ชั่วคราวในดินแดนของรัฐภาคีอีกฝ่ายหนึ่งเป็นระยะเวลาไม่เกิน 30 วันนับจากวันที่เดินทางเข้า โดยระยะเวลาพำนักสะสมรวมกันจะต้องไม่เกิน 90 วันภายในแต่ละช่วงเวลา 180 วัน และในกรณีที่มีความประสงค์จะพำนักเกินกว่า 30 วันจะต้องได้รับการตรวจลงตราตามที่กำหนดไว้ตามกฎหมายและข้อบังคับของรัฐภาคีนั้นๆ

ความตกลงฉบับนี้มีผลบังคับใช้โดยไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุด และจะมีผลบังคับใช้ใน 30 วันหลังจากวันที่ได้รับแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งสุดท้าย ผ่านช่องทางการทูตว่าได้ดำเนินกระบวนการทางกฎหมายภายในที่จำเป็นต่อการบังคับความตกลงฉบับนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว

การจัดทำความตกลงดังกล่าวจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของทั้งสองฝ่าย ส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ในระดับประชาชน และเสริมสร้างศักยภาพและรายได้ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยในภาพรวม รวมถึงเป็นการช่วยยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในด้านอื่นๆ เช่น การเมือง เศรษฐกิจ วิชาการ วัฒนธรรม

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 เม.ย. 67)

Tags: , , , , , ,
Back to Top