พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมาพบว่ากลุ่มมิจฉาชีพมักใช้บัญชีม้าเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด เพื่อถ่วงเวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนและอายัดเงินที่ได้จากการกระทำความผิด
วิธีการได้มาซึ่งบัญชีม้าเหล่านี้ เกิดจากการที่มีผู้ที่หวังแต่ประโยชน์ส่วนตน เห็นว่าการขายบัญชีธนาคารเป็นวิธีการที่ได้เงินมาง่าย และไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย โดยไม่ได้คำนึงถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นหากบัญชีธนาคารดังกล่าวถูกนำไปใช้โดยกลุ่มมิจฉาชีพ ทำให้ปัจจุบันได้มีการออก พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองประชาชนผู้สุจริตซึ่งถูกหลอกลวงจนสูญเสียไปซึ่งทรัพย์สิน และกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยได้กำหนดโทษของการยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝากฯ และหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน โดยรู้หรือควรจะรู้ได้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิด หรือซิมผี บัญชีม้า
สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงขอเตือนที่น้องประชาชน ถึง 5 สิ่งที่จะเกิดขึ้น หากท่านรับจ้างเปิดบัญชีม้า ดังต่อไปนี้
1. ถูกดำเนินคดี ตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 มาตรา 9 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. ถูกดำเนินคดีตามฐานความผิดที่มิจฉาชีพนำบัญชีท่านไปใช้ ในฐานะเป็นตัวการร่วม หรือผู้สนับสนุนในการกระทำความผิด
3. มีประวัติอาชญากรรรมติดตัว
4. ถูกดำเนินคดีหลายท้องที่ ตามที่มิจฉาชีพได้นำไปใช้หลอกลวงผู้เสียหาย
5. ถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งจากผู้เสียหาย
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนเคยหลงเชื่อขายบัญชีธนาคาร หรือซิมโทรศัพท์มือถือให้กับบุคคลอื่นไปแล้ว ให้รีบไปติดต่อกับธนาคารเพื่อขอปิดบัญชีธนาคารดังกล่าวโดยเร็ว เพื่อหยุดวงจรฉ้อโกงออนไลน์ ที่สร้างความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชน
สุดท้ายนี้ หากพี่น้องประชาชนได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ บนเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th หรือสายด่วน 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 เม.ย. 67)
Tags: บัญชีม้า, มิจฉาชีพ, ศิริวัฒน์ ดีพอ, เตือนภัย