คณะเจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐวางแผนเยือนประเทศเนเธอร์แลนด์ในสัปดาห์หน้า เพื่อกดดันให้รัฐบาลเนเธอร์แลนด์คุมเข้มมาตรการจำกัดอุปกรณ์ผลิตชิปของจีนให้มากขึ้น ขณะที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังเร่งผลักดันแคมเปญเพื่อขัดขวางความทะเยอทะยานด้านเทคโนโลยีของจีน
แหล่งข่าววงในผู้ไม่ประสงค์ออกนามเปิดเผยกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กเมื่อวันพฤหัสบดี (4 เม.ย.) ว่า นายอลัน เอสเตเวซ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฝ่ายอุตสาหกรรมและความมั่นคง ซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินมาตรการควบคุมการส่งออก จะเป็นส่วนหนึ่งของคณะผู้แทนในการเยือนเนเธอร์แลนด์ครั้งนี้ โดยจะมีคณะเจ้าหน้าที่จากสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวเข้าร่วมด้วย
บลูมเบิร์กรายงานไว้เมื่อเดือนที่แล้วว่า สหรัฐกำลังผลักดันให้ชาติพันธมิตร รวมถึงเนเธอร์แลนด์ เพิ่มการจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ของจีนให้มากขึ้น เพื่ออุดช่องโหว่ในมาตรการควบคุมการส่งออกที่บังคับใช้กับบริษัทจีนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่ในรัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของปธน.ไบเดนกำลังกดดันให้รัฐบาลเนเธอร์แลนด์สั่งห้ามบริษัท เอเอสเอ็มแอล โฮลดิ้ง (ASML Holding NV) ไม่ให้ซ่อมบำรุงอุปกรณ์ผลิตชิปที่ละเอียดอ่อน ซึ่งลูกค้าชาวจีนซื้อก่อนที่จะมีการจำกัดการขายอุปกรณ์เหล่านั้นในปีนี้
ด้านนายเอสเตเวซกล่าวเมื่อปลายเดือนมี.ค.ว่า เป็นความจริงที่สหรัฐกำลังผลักดันชาติพันธมิตรให้เข้มงวดเรื่องการซ่อมบำรุงเครื่องจักรผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในจีน
โฆษกกระทรวงการค้าต่างประเทศของเนเธอร์แลนด์ยืนยันว่าการประชุมดังกล่าวจะมีขึ้นในวันจันทร์หน้า (8 เม.ย.) พร้อมกล่าวเสริมว่า แม้เนเธอร์แลนด์จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับชาติพันธมิตร ทว่าแต่ละประเทศต้องตัดสินใจเองตามพัฒนาการทางเทคโนโลยีและภูมิรัฐศาสตร์
ทั้งนี้ สหรัฐได้สั่งห้ามซัพพลายเออร์อุปกรณ์ชิปของสหรัฐ รวมถึงแอพพลายด์ แมททีเรียล (Applied Materials Inc.) ไม่ให้ซ่อมบำรุงอุปกรณ์ของตนที่ถูกนำไปใช้ในหน่วยงานจีนที่ถูกขึ้นบัญชีดำ ขณะเดียวกัน เนเธอร์แลนด์ไม่มีการสั่งแบนในลักษณะเดียวกันนี้กับบริษัทของเนเธอร์แลนด์
ด้านจีนได้แสดงความไม่พอใจต่อแคมเปญสหรัฐที่พยายามจำกัดไม่ให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีสำคัญ โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนวิพากษ์วิจารณ์เรื่อง “อุปสรรคทางเทคโนโลยี” ระหว่างที่นายกรัฐมนตรีมาร์ก รุตต์ ของเนเธอร์แลนด์เยือนกรุงปักกิ่งเมื่อปลายเดือนที่แล้ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 เม.ย. 67)
Tags: สหรัฐ, เนเธอร์แลนด์, โจ ไบเดน