Finnomena Funds มองโอกาสการลงทุนครั้งใหม่ในตลาดหุ้น Emerging Markets จากศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจอันโดดเด่น ผ่านพ้นช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น พร้อมด้วยราคาหุ้นที่ยังมีโอกาสให้ขึ้นต่อ หลังตลาดวิ่งเป็น Sideway มาตั้งแต่ช่วงต้นปีก่อน
ภาพรวมภาวะการลงทุนทั่วโลกในช่วงไตรมาสแรกของปี 67 พบว่าตลาดหุ้นที่ทำผลตอบแทนได้โดดเด่น นำมาโดยตลาดหุ้นญี่ปุ่น (Nikkei 225) ปรับเพิ่มขึ้น 20.6% ตลาดหุ้นเยอรมัน (DAX) ปรับเพิ่มขึ้น 10.4% และตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา (S&P500) ปรับเพิ่มขึ้น 10.2% ส่งผลให้ดัชนีรวมหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Markets) สร้างผลตอบแทนสูงกว่า 8.5% นับตั้งแต่ต้นปี
ขณะที่ฝั่งตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่ (Emerging Markets) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง +1.9% จากต้นปี 2567 ถือว่าราคา Laggard หุ้นโลก แต่อย่างไรก็ดี ทีมวิเคราะห์การลงทุน Finnomena Funds มองว่าเป็นจังหวะดีที่จะหมุนเงินลงทุนมาที่ Emerging Markets เพื่อรับโอกาสในระยะข้างหน้า เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจอันแข็งแกร่งในหลายประเทศ ได้รับประโยชน์จากทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาลงในสหรัฐฯ เม็ดเงินลงทุนไหลเข้า (Fund Flow) มีทิศทางชัดเจนยิ่งขึ้น ตลอดจนมูลค่า (Valuation) ของตลาดหุ้นในปัจจุบันนั้นเป็นระดับราคาที่น่าสนใจ
นายวศิน ปริธัญ Managing Director บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เดฟินิท จำกัด ในเครือของ Finnomena Group เปิดเผยว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในกลุ่ม Emerging Markets โดยเฉพาะฝั่งตลาดหุ้นเอเชีย เพื่อรับโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะกลาง-ยาว หลัง วิเคราะห์ห์ผ่านกรอบการลงทุน MEVT Call ที่ครอบคลุมทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค
– Macroeconomics: เศรษฐกิจจีนฟื้นตัว รวมถึงการเติบโตที่ต่อเนื่องของอินเดีย อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้ พร้อมรับประโยชน์เพิ่มเติมจากทิศทางเงินดอลลาร์อ่อนค่า
– Earnings: ตลาดคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนในเอเชีย ยังโตสูงกว่า 22% พร้อมการปรับประมาณการที่มีโมเมนตัมดีขึ้น
– Valuation: มูลค่าหุ้นเอเชีย (MSCI Asia ex Japan) เมื่อเทียบกับหุ้นโลก (MSCI ACWI) อยู่ที่บริเวณ -2S.D. ซึ่งเป็นระดับราคาที่ถูกมาก
– Technical: เริ่มเห็นสัญญาณเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียชัดเจนมากขึ้น สะท้อนว่านักลงทุนเริ่มกลับมาสนใจตลาดหุ้นเกิดใหม่อีกครั้ง
แนะนำทะยอยสะสมกองทุนหุ้นเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) ผ่านกองทุนกองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท เอเชีย: UOBSA เป็นกองทุนความเสี่ยงสูงระดับ 6 บริหารเชิงรุก (Active Management) เพื่อมุ่งหวังผลตอบแทนเหนือกว่าดัชนีชี้วัด MSCI AC Asia (ex Japan) อีกทั้งยังมีความโดดเด่นจากการใช้ AI คัดเลือกหุ้นร่วมกับผู้จัดการกองทุนมากประสบการณ์ เพื่อเพิ่มโอกาสเข้าถึงการลงทุนในหุ้นใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพสูง และกระจายลงทุนในหลากหลายประเทศ เช่น อินเดีย, ไต้หวัน, จีน,สิงคโปร์ และเกาหลีใต้
นายเจษฎา สุขทิศ CEO & Co-founder Finnomena Group เปิดเผยว่า มุมมองการลงทุน FundTalk The Contrarian Style ที่เฟ้นหาโอกาสในสินทรัพย์ที่ดี ราคาถูก นั้นเห็นโอกาสลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ ทั้งอินเดีย, เกาหลีใต้, ไต้หวัน และจีน ซึ่งได้แรงหนุนจาก Fund Flow พื้นฐานดี P/E ถูก รวมทั้งการฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดของตลาดหุ้นจีน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของตลาดหุ้นเกิดใหม่ในภาพรวม
แนะนำเข้าลงทุนผ่าน กองทุนเปิดเค ซีเล็คทีฟ อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ตส์ หุ้นทุน: K-SEMQ เป็นกองทุนความเสี่ยงสูงระดับ 6 ลงทุนในหน่วยลงทุนของ Templeton Emerging Markets Fund ซึ่งกระจายการลงทุนในจีน, เกาหลีใต้, ไต้หวัน, อินเดีย และ บราซิล จึงช่วยลดความเสี่ยงด้านการดำเนินนโยบายของรัฐบาลในแต่ละประเทศได้ดี รวมทั้งยังอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม นำโดยหุ้นเทคโนโลยีอย่าง TSMC ผู้ผลิตชิปรายใหญ่จากไต้หวัน รวมถึง Samsung Electronics ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำจากเกาหลีใต้ ทำให้ตั้งแต่ก่อตั้งกองทุนในปี 2530 สามารถทำผลตอบแทนได้ดีกว่าดัชนีอ้างอิง MSCI Emerging Markets Index อย่างสม่ำเสมอ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 เม.ย. 67)
Tags: Emerging Market, ตลาดหุ้น, ฟินโนมีนา