ฝ่ายสืบสวนของรัสเซียเปิดเผยเมื่อวานนี้ (28 มี.ค.) ว่า พบหลักฐานว่ากลุ่มมือปืนที่ก่อเหตุกราดยิงในงานคอนเสิร์ตในกรุงมอสโกเมื่อสัปดาห์ที่แล้วจนคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 140 รายนั้น มีความเชื่อมโยงกับ “กลุ่มชาตินิยมยูเครน” ขณะที่สหรัฐออกมาตอบโต้ทันควันว่า ข้อวินิจฉัยนี้ “ไร้สาระและเป็นแค่การโฆษณาชวนเชื่อ”
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัสเซียเชื่อมาตั้งแต่แรกว่ายูเครนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีดังกล่าว แม้ยูเครนได้ปฏิเสธและกลุ่มรัฐอิสลามได้ออกมาอ้างว่าเป็นฝีมือของพวกตนก็ตาม
คณะกรรมการสืบสวนของรัสเซียได้ออกแถลงการณ์ครั้งแรกโดยระบุว่า พบหลักฐานที่บ่งชี้ถึงความเชื่อมโยงกับยูเครน
“จากการทำงานร่วมกับผู้ก่อการร้ายที่ถูกควบคุมตัว การศึกษาอุปกรณ์ทางเทคนิคที่ยึดมาได้ และการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงิน ทำให้พบหลักฐานความเชื่อมโยงของพวกเขากับกลุ่มชาตินิยมยูเครน” คำแถลงระบุ
นอกจากนี้ยังมี “ข้อมูลที่ยืนยันแล้ว” ว่า ผู้ก่อเหตุได้รับเงินสดและคริปโทเคอร์เรนซีจำนวนมากจากยูเครน ทางคณะกรรมการฯ ยังเปิดเผยว่า จับตัวผู้ต้องสงสัยอีกรายที่เกี่ยวข้องกับ “แผนการจัดหาเงินให้ผู้ก่อการร้าย” ไว้ได้แล้ว
อย่างไรก็ดี นายจอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาวโต้แย้งว่า ข้อกล่าวหาของรัสเซียเป็นเรื่อง “ไร้สาระและเป็นแค่การโฆษณาชวนเชื่อ” พร้อมยืนยันว่า ผู้รับผิดชอบต่อเหตุโจมตีนี้แต่เพียงผู้เดียวคือกลุ่มรัฐอิสลาม
“อันที่จริง สหรัฐได้พยายามที่จะช่วยให้รัสเซียป้องกันการโจมตีของผู้ก่อการร้ายครั้งนี้ ซึ่งรัสเซียก็รู้ดี” นายเคอร์บีกล่าว
เมื่อช่วงต้นเดือนมี.ค.นี้ สหรัฐได้ออกมาเตือนว่า มีข้อมูลข่าวกรองที่ระบุว่า “กลุ่มหัวรุนแรง” กำลังวางแผนก่อเหตุโจมตีในกรุงมอสโก โดยนายเคอร์บียังกล่าวเพิ่มเติมว่า สหรัฐถึงกับส่งคำเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรไปให้หน่วยงานด้านความมั่นคงของรัสเซียเมื่อวันที่ 7 มี.ค. เวลา 11:15 น. ตามเวลาท้องถิ่น
เจ้าหน้าที่สหรัฐเชื่อว่า กลุ่มรัฐอิสลามโคราซานซึ่งเป็นสาขาของกลุ่มรัฐอิสลามในอัฟกานิสถาน อยู่เบื้องหลังเหตุกราดยิงในงานคอนเสิร์ตครั้งนี้
“เรารับผิดชอบต่อหน้าที่ในการเตือนภัยอย่างจริงจัง เราไม่ต้องการเห็นผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิตจากการโจมตีของผู้ก่อการร้าย” นายเคอร์บีกล่าว พร้อมเสริมว่า รัฐบาลสหรัฐได้ส่ง “คำเตือนหลายครั้ง” เกี่ยวกับ “ภัยคุกคามต่าง ๆ” ให้แก่ทางการรัสเซียตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้วเป็นต้นมา
อย่างไรก็ตาม รัสเซียกล่าวว่า เป็นเรื่องน่าสงสัยที่สหรัฐสามารถระบุตัวผู้ก่อเหตุได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อต้นสัปดาห์นี้ หัวหน้าหน่วยความมั่นคง FSB ของรัสเซียก็ออกมาเปิดเผยโดยไม่ได้ให้หลักฐานว่า เขาเชื่อว่า ยูเครน รวมถึงสหรัฐ และอังกฤษ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุครั้งนี้
อนึ่ง มีผู้ต้องสงสัย 11 รายที่ถูกจับกุมภายใน 24 ชั่วโมงหลังเกิดเหตุกราดยิงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (22 มี.ค.) โดยมี 8 รายในจำนวนนี้ถูกควบคุมตัวก่อนการพิจารณาคดี ประกอบด้วย 7 รายมาจากทาจิกิสถาน และอีกรายมาจากคีร์กีซสถานซึ่งเป็นประเทศในเอเชียกลาง ขณะที่ในจำนวนนี้มีผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นมือปืนจำนวน 4 ราย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 มี.ค. 67)
Tags: ยูเครน, รัสเซีย, เหตุกราดยิง