ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณารายงานผลการศึกษาเรื่องการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ประธานกรรมาธิการวิสามัญฯ รายงานว่าการศึกษาเป็นภารกิจที่ท้าทาย เพราะเป็นผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศแต่ก็มีผลกระทบในมุมกลับต่อสังคม
การทำงานครั้งนี้ มี 3 ประเด็นหลักในการศึกษา คือ
1. ด้านกฎหมาย สำหรับเดินหน้าเปิดสถานบันเทิงครบวงจรที่ยังไม่มีกฎหมายรองรับ ซึ่งกฎหมายเป็นกลไกหลักที่จะทำให้เรื่องนี้เดินหน้าได้
2. รูปแบบธุรกิจและการจัดเก็บรายได้ของรัฐ ที่ศึกษาโมเดลความสำเร็จของต่างประเทศ และมีกลไกป้องกันอย่างเหมาะสม
3. ศึกษาผลกระทบ ได้ให้ความสำคัญต่อปัญหาที่เกิดขึ้นซึ่งในช่วงเช้ามีภาคประชาชนยื่นหนังสือแสดงความห่วงใย ผลกระทบที่จะเกิดต่อสังคม
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ในภาคผนวกมีตัวอย่างการยกร่างกฎหมายที่อาจนำมาใช้ หากประเทศไทยจะเดินหน้าทำ Entertainment Complex ซึ่งการศึกษาของกรรมาธิการยังไม่ใช่ข้อยุติเมื่อรายงานสู่สภาฯ หากที่ประชุมเห็นชอบรายงานจะต้องส่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณารายละเอียดต่อไป ซึ่งเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารที่จะพิจารณาว่าโครงการนี้เหมาะสมกับประเทศไทยหรือไม่ จะแก้ปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างไร หรือจะเดินหน้าเมื่อไหร่
“การยกร่างตัวกฎหมายนี้เป็นตุ๊กตา หากเป็นการเดินหน้าโดยฝ่ายบริหารมีความเห็นชอบก็ต้องส่งกลับมาเป็นอำนาจของพวกเราที่นั่งอยู่ที่นี่ ในการพิจารณารายละเอียดของตัวบทกฎหมายที่จะมาใช้กำกับควบคุม เชื่อว่าความเห็นของท่านจะได้รับการสะท้อนสู่กฎหมายในอนาคต” นายจุลพันธ์ กล่าว
รายงานผลศึกษาประกอบด้วย 4 ส่วน เรื่องแรก โครงสร้างการกำกับดูแล ผลกระทบทางสังคม ผลกระทบทางเศรษฐกิจ การจัดเก็บรายได้ของรัฐ และกฎหมาย จากการศึกษาสะท้อนให้เห็นว่า ควรมีการผลักดันกฎหมายรองรับการสถานบันเทิงครบวงจร ที่เห็นพ้องว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ สร้างงานสร้างอาชีพสร้างเม็ดเงินให้กับประเทศ และพัฒนาต่อยอดอุตสาหกรรมใหม่ ส่งเสริมการท่องเที่ยว แก้ไขปัญหาการพนันผิดกฎหมาย ได้เม็ดเงินไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยได้อ้างอิงโมเดล Entertainment Complex ของสิงคโปร์ และต่างประเทศ
ทั้งนี้ หากจะเปิดสถานบันเทิงครบวงจรต้องมีการสร้างงานให้กับคนในชุมชนและคนไทย ผลการศึกษาชี้ว่าต้องกำหนดในกฎหมายเพื่อยืนยันว่าประโยชน์นอกจากการจัดเก็บรายได้จากภาษีรูปแบบต่างๆ แล้ว คนไทยโดยเฉพาะคนในชุมชนนั้นจะต้องได้ประโยชน์ด้วย ซึ่งในรายงานมีรายละเอียดรูปแบบการจัดเก็บภาษี เช่น ภาษีเกมมิ่ง หรือภาษีการพนัน หรือภาษีเงินได้ของบริษัท หรือภาษีจากการเล่น
ขณะที่ Entertainment Complex ไม่ใช่เพียงกาสิโน ยังมีองค์ประกอบอื่น เช่น สวนสนุก ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า โรงแรม และกิจกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่อง เม็ดเงินการลงทุนต่อจุดไม่ต่ำกว่าหลักแสนล้านบาท ซึ่งจะเกิดประโยชน์อย่างมหาศาลต่อชุมชนและประเทศไทย และสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง
ส่วนกลไกการเยียวยา ได้ศึกษาตัวอย่างจากประเทศที่ประสบความสำเร็จในการกำกับควบคุม เช่น สหรัฐฯ หรือสิงคโปร์ ซึ่งมีกลไกเยียวยาผลกระทบ การป้องกันปัญหา โดยเฉพาะเรื่องติดการพนัน หรือเกิดความรุนแรง โดยสามารถพิสูจน์แล้วว่ากลไกเหล่านี้ควบคุมกำกับดูแลได้ เช่น การห้ามบุคคลเข้ากาสิโน อย่างที่สิงคโปร์ ห้ามผู้มึนเมา หรือผู้ที่มีพฤติกรรมการเล่นที่ผิดแปลกจากการติดพนัน หรือการเสียพนันมากเกินไปจะมีกลไกป้องกันระงับยับยั้งอย่างไร
ส่วนการเก็บรายได้ประเภทต่างๆ นอกจากรายได้เข้ารัฐ ยังมีรายได้เข้าชุมชน และมีรายได้ส่วนหนึ่งเข้ากองทุนที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนกลไกการเยียวยาประชาชนที่เกิดปัญหา ทางด้านการศึกษา การสาธารณสุข การป้องกันการพนันเกินกว่าขอบเขต เป็นกลไกที่มองว่าสามารถแก้ไขปัญหาได้ในระยะยาว
“ผลศึกษาได้ชี้ให้เห็นประโยชน์จากการลงทุนเปิดสถานบันเทิงครบวงจรที่จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว จากการเดินทางไปดูงานที่สิงคโปร์พบว่าสถานบันเทิงครบวงจรช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึง 20% สร้างรายได้เข้าประเทศได้เพิ่มขึ้นราว 2 แสนล้านบาท สร้างงานและสร้างรายได้ให้กับประเทศ ก่อให้เกิดการลงทุนจากต่างประเทศตามมาอีกจำนวนมหาศาล เช่น โรงแรม สวนสนุก แต่จะต้องมีกฎหมายออกมาควบคุมและกำกับดูแลอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางสังคมตามมา” นายจุลพันธ์ กล่าว
โครงสร้างการกำกับดูแลมี 2 ระดับ ประกอบด้วย คณะกรรมการนโยบาย และคณะกรรมการการบริหารที่จะกลั่นกรองให้คำชี้แนะแก่คณะกรรมการนโยบาย กำกับดูแลสำนักงาน เป็นหลักในการขับเคลื่อนนโยบาย คล้ายกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หรือสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)
ทั้งนี้ หากรายงานฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบจากสภาฯ จะนำส่งไปยัง ครม. เพื่อพิจารณาสั่งการและรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนเพิ่มเติม และหากมีร่างกฎหมายก็จะต้องเสนอเข้าสู่สภาฯ เพื่อลงรายละเอียดในเนื้อหากฎหมาย
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ที่มาของการศึกษาเรื่องนี้มาจากการเสนอญัตติเข้ามา และมีการรับฟังปัญหาจากประชาชน และเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ทุกคนยอมรับความจริงว่าการพนันผิดกฎหมายมีในประเทศไทย และมีมานานแล้ว ซึ่งกลไกหนึ่งจะสามารถแก้ไขปัญหาได้คือการทำให้ถูกกฎหมาย แต่จะต้องมีการกำกับควบคุมดูแลที่ดี เชื่อว่าจะลดทอนปัญหาการพนันผิดกฎหมายลงได้ และที่สำคัญเป็นโอกาสการเก็บรายได้เข้ารัฐ ในการสร้างการเจริญเติบโต สร้างอาชีพ สร้างงานให้กับประชาชน โดยที่เราต้องคำนึงถึงตลอดเวลาเรื่องผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนในวงกว้าง โดยเฉพาะในเรื่องของการพนัน
บรรยากาศการพิจารณารายงานฉบับดังกล่าวในสภาฯ มี สส.ทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล ร่วมอภิปรายสนับสนุนการลงทุนเปิดสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย การหลอกลวงให้เล่นพนันออนไลน์ การสร้างรายได้เข้าประเทศ การแก้ปัญหาส่วย โดยรัฐมีรายได้มาใช้สร้างประโยชน์ให้กับประชาชน และนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศ ขณะเดียวกัน มีข้อกังวลเรื่องผลประโยชน์ที่รัฐจะได้รับอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย และผลกระทบด้านสังคมด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 มี.ค. 67)
Tags: Entertainment Complex, กาสิโน, จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์, บ่อนพนัน, บ่อนพนันถูกกฎหมาย, ประชุมสภาผู้แทนราษฎร