ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านยุทธศาสตร์เมือง (Urban Design and Development Center, Center of Excellence in Urban Strategies, หรือ UDDC-CEUS) ภาควิชาการวางแผนภาคและเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมมือกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ออกแบบโครงการ “เมืองเดินได้ เมืองเดินดี GoodWalk Thailand” ใช้ดัชนี GoodWalk Score เลือกพื้นที่นำร่อง พัฒนาเป็นย่านเดินได้ เดินดีในกรุงเทพ และอีกหลายเมืองทั่วประเทศ มั่นใจเมืองเดินได้จะช่วยลดมลภาวะ กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนและการท่องเที่ยว เสริมสร้างคุณภาพชีวิตและสุขภาวะคนเมือง
“เมืองเดินได้-เมืองเดินดี ไม่ใช่แค่เรื่องปรับปรุงคุณภาพทางเท้า หรือขยายทางเท้า แต่เป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการพัฒนาเมืองของประเทศไทย ที่ตอบโจทย์ความท้าทายอันหลากหลายของเมือง ทั้งสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม สุขภาวะ การเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และสังคมผู้สูงอายุ” รองศาสตราจารย์ ดร.นิรมล เสรีสกุล ผู้อำนวยการของศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UDDC-CEUS) จุฬาฯ กล่าวถึงความสำคัญของโครงการฯ ในงาน “GOODWALK FORUM THAILAND 2023 ก้าวสู่ทศวรรษแห่งการพัฒนาเมือง ด้วยยุทธศาสตร์เมืองเดินได้-เมืองเดินดี” งคุณภาพชีวิตและสุขภาวะคนเมือง
ทั้งนี้ โครงการ “เมืองเดินได้-เมืองเดินดี” ได้เปิดเผยตัวเลขค่าเฉลี่ยว่า คนกรุงเทพฯ ใช้เวลาในการเดินทางโดยรถยนต์คิดเป็น 800 ชั่วโมงต่อปี ค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วยรถยนต์ของคนเมืองคิดเป็น 20 % ของรายจ่ายทั้งหมด ระยะการเดินเท้าสูงสุดที่คนเมืองยอมเดินคือ 800 เมตร หรือราว 10 นาที 44 % ของคนกรุงเทพฯ มีภาวะอ้วน ตัวเลขเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า กรุงเทพเป็นมหานครแห่งรถยนต์ ยิ่งตัดถนน รถยนต์ยิ่งเพิ่มปริมาณ และราคาที่คนเมืองต้องจ่ายคือฝุ่นพิษ PM2.5 การจราจรติดขัด การใช้เวลาบนท้องถนนนาน ๆ การสูญเสียทางเศรษฐกิจ อีกทั้งปัญหาสุขภาพกายและใจ ฯลฯ
แนวคิดและแนวทางการพัฒนาเมืองจึงต้องเปลี่ยนจากงบตัดถนน ปรับมาให้ความสำคัญกับการออกแบบ “เมืองเดินได้” เพื่อส่งเสริมให้ “การเดิน” อยู่ในวิถีชีวิตประจำวันของคนเมืองมากขึ้น
นอกจากนี้ โครงการฯ ยังได้พัฒนาเว็บไซต์ GoodWalk (http://goodwalk.org/) ให้เป็นช่องทางนำเสนอเรื่องราว ข่าวสาร มุมมองเกี่ยวกับเมืองเดินได้ เมืองเดินดี ทั้งในและต่างประเทศ โดยไฮไลต์ของเว็บไซต์คือแผนที่ GoodWalk Score ที่มีการจัดอันดับพื้นที่ “เดินได้” และ “เดินดี” ในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด
“เมืองเดินได้คือพื้นที่หรือย่านของเมืองที่จุดหมายปลายทางในชีวิตประจำวันของผู้คนอยู่ในระยะที่เดินเท้าถึง หรือประมาณ 500-800 เมตร” รศ.ดร.นิรมล ให้คำนิยาม “เมืองเดินได้”
สำหรับเกณฑ์ในการวัดและให้คะแนน “เมืองเดินได้” นั้นมีการกำหนดแหล่งที่เป็นจุดหมายปลายทางที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของผู้คนไว้ 6 ข้อ ได้แก่ 1) แหล่งงาน 2) สถานศึกษา 3) อุปโภค-บริโภค 4)นันทนาการ 5) ธนาคาร/ธุรกรรม และ 6) ขนส่งสาธารณะ
ในกรุงเทพมหานคร พื้นที่ที่ได้ระดับคะแนน “เดินได้” สูงสุด คือ ย่านสยามสแควร์ ข้าวสาร และเขตบางรัก ตามลำดับ
ส่วน “เมืองเดินดี” รศ.ดร.นิรมล ให้นิยามว่า “เป็นเมืองที่มีการออกแบบคุณภาพการเดินให้น่าเดิน เดินสะดวก ปลอดภัย ความกว้างทางเท้าเพียงพอ ไม่มีสิ่งกีดขวาง แสงสว่างเพียงพอ สภาพแวดล้อมเอื้อต่อการเดิน ความร่มรื่นของทางเท้า เป็นต้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะเป็นเกณฑ์ในการให้คะแนนและจัดอันดับของเมืองเดินดี”
“ในประเทศไทยยังไม่ค่อยมีคนสูงวัยออกมาเดินในพื้นที่สาธารณะมากนัก เพราะทางเดินไม่ดี เดินลำบาก เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ นี่อาจเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้อัตราการอยู่ติดบ้าน ติดเตียงของคนสูงวัยในเมืองไทยสูงมากที่สุดในทวีปเอเชีย” อดิศักดิ์ กันทะเมืองลี้ รองผู้อำนวยการศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UDDC-CEUS) จุฬาฯ กล่าว
ทั้งนี้ ในกรุงเทพมหานคร “ถนนเดินดี” จากการเกณฑ์ดังกล่าว ได้แก่ ถนนราชวงศ์ ถนนจักรพงษ์ ถนนลาดหญ้า ซอยสยามสแควร์ 7 ถนนพระราม 1 ฯลฯ
หนึ่งในผลงานตัวอย่างรูปธรรมที่โดดเด่นและเป็นที่น่าภูมิใจคือการปรับปรุงสะพานด้วน หรือโครงสร้างรถไฟฟ้าลาวาลินที่สร้างไม่เสร็จ ให้เป็นสวนลอยฟ้าเจ้าพระยา
“พื้นที่นี้เป็นจุดเชื่อมต่อการสัญจรโดยเท้าและจักรยานของคน ทั้งฝั่งพระนครและฝั่งธนบุรี และยังรองรับการทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น เดินเล่น นั่งพักผ่อน ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตก รวมทั้งปลูกต้นไม้สร้างร่มเงาความร่มรื่น ให้นักท่องเที่ยวสามารถข้ามไปฝั่งธนบุรีได้สะดวก สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับคนฝั่งธนบุรี” อดิศักดิ์ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 มี.ค. 67)
Tags: กรุงเทพ, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สสส.