APO เคาะราคาขาย IPO หุ้นละ 0.99 บาท เปิดจอง 25-27 มี.ค.

บมจ.เอเชียนน้ำมันปาล์ม (APO) กำหนดราคาเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 100 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 0.99 บาท รวมมูลค่าเสนอขายทั้งหมด 99 ล้านบาท ระยะเวลาเสนอขาย วันที่ 25-27 มี.ค.67 โดยมีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน โดยจะเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)

นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร APM กล่าวว่า APO แต่งตั้ง บล.คิงส์ฟอร์ด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้น IPO พร้อมผู้ร่วมจัดจำหน่ายอีก 3 แห่ง ได้แก่ บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง, บล.กรุงศรี พัฒนสิน และ บล.บียอนด์

การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้พิจารณาจากอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัท (Price to Earnings Ratio : P/E) ทั้งนี้ ราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 0.99 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิเท่ากับ 25.92 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลการดำเนินงานในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.66 ซึ่งมีกำไรสุทธิเท่ากับ 12.99 ล้านบาท และคำนวณจากจำนวนหุ้นทั้งหมดหลัง IPO ซึ่งเท่ากับ 340 ล้านหุ้น (Fully Diluted) มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.04 บาทต่อหุ้น

ขณะที่มูลค่าทางบัญชีของบริษัท (Price to Book Value) ณ 31 ธันวาคม 2566 มีมูลค่า 237.14 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นที่ 0.99 บาท (หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญปัจจุบันก่อนการเสนอขายหุ้น IPO ซึ่งเท่ากับ 240.00 ล้านหุ้น) ในขณะที่ราคาเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ที่ 0.99 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชีเท่ากับ 1.00 เท่า

วัตถุประสงค์การใช้เงินจากการระดมทุนราว 99 ล้านบาท เพื่อลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักรในกระบวนการผลิต 50 ล้านบาทในปี 67-68 เนื่องจากบริษัทมีแผนการลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักรในกระบวนการผลิต เป็นการลดขั้นตอน ระยะเวลา แรงงาน และลดต้นทุนในการผลิต งบประมาณลงทุนทั้งหมดประมาณ 68.00 ล้านบาท และจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและขยายกิจการในอนาคต 42.31 ล้านบาทในปี 67

APO ประกอบธุรกิจสกัดน้ำมันปาล์มดิบและจำหน่ายผลิตภัณฑ์หลักจากการสกัดน้ำมันปาล์มดิบและผลพลอยได้ รวมถึงผลิตพลังงานไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพเพื่อจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างธุรกิจจากผลิตภัณฑ์การเกษตรแบบบูรณาการและยั่งยืน โดยการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม ภายใต้การจัดหาวัตถุดิบและกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ

นายวรนันท์ ถาวรนันท์ กรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บล.คิงส์ฟอร์ด กล่าวว่า การกำหนดราคา IPO ของ APO ถือเป็นระดับราคาเหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน และมีความสอดคล้องกับสภาวะตลาดปัจจุบัน โดยราคาหุ้น IPO ที่เสนอขายหุ้นละ 0.99 บาท พิจารณาจากอัตราส่วนราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชี (Price to Book Value : P/BV) มีค่าเท่ากับ 1.00 เท่า ขณะที่หากพิจารณาเฉพาะคู่แข่งทางตรงกับบริษัท จะมีเพียง UVAN VPO และ UPOIC ที่ดำเนินธุรกิจคล้ายคลึงกับบริษัท ซึ่งมี P/BV เฉลี่ยอยู่ที่ 1.55 เท่า

อีกทั้งภาพรวมธุรกิจของบริษัทมีแนวโน้มเติบโต เนื่องจากปริมาณวัตถุดิบเข้าสู่กระบวนการผลิตเพิ่มขึ้นจากปรากฎการณ์เอลนีโญคลี่คลาย การใช้กำลังการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า ส่งผลให้อัตรากำไรปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับบริษัทมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีกระแสเงินสดที่ดี และมีกำไรสะสมประมาณ 117 ล้านบาท จึงเชื่อมั่นว่าหุ้น APO จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน

นายสิทธิภาส อุดมผลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร APO กล่าวว่า ภายหลังจากการระดมทุนบริษัทมีแผนลงทุนปรับปรุงกระบวนการผลิต เปลี่ยนเครื่องจักรหม้อนึ่งจากแนวนอนเป็นแนวตั้ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบการผลิตน้ำมันปาล์ม ระบบที่เกี่ยวข้อง และช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งจะช่วยให้ลดต้นทุนในระบบผลิตน้ำมันปาล์ม ได้มากกว่า 10% ของต้นทุนเดิม ซึ่งจะใช้เงินลงทุนในส่วนดังกล่าวประมาณ 68 ล้านบาท จะรับรู้ต้นทุนที่ลดลงหลังเดือนพ.ค. 68 เป็นต้นไป และเงินระดมทุนส่วนที่เหลือจะเป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับขยายธุรกิจ

ขณะที่ปีนี้คาดบริษัทจะเติบโตต่อเนื่องจากการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพที่ขายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จากเดิมมีกำลังการผลิตอยู่ราว 40% ซึ่งภายในปีนี้บริษัทได้ปรับปรุงเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator) เพื่อให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้เต็มกำลังการผลิต 1 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ เครื่อง Generator สามารถผลิตกำลังไฟฟ้าได้มากกว่าสัญญาผลิตไฟฟ้า 1 เมกะวัตต์ ซึ่งส่วนเกินจากนั้นจะหมุนกับไปใช้ในกระบวนการผลิต

นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งหน้าขยายกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ลูกค้าปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นกลุ่มโรงกลั่น เทรดเดอร์ และ โบรกเกอร์ โดยบริษัทมีโครงการ Asian Plus+ ซึ่งทีมงานและนักวิชาการจะเข้าหาลูกค้าเกษตรกรท้องถิ่น เพื่อให้ความรู้ในการบริหารจัดการและเก็บเกี่ยวปาล์มคุณภาพ ทั้งนี้ในทุก ๆ ปี บริษัทมีเป้าหมายในการขยายกลุ่มลูกค้าและคู่ค้ามากขึ้น 10% ต่อปี

ปัจจุบัน บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตให้ครบวงจรยิ่งขึ้น ตั้งแต่ด้านการจัดหาวัตถุดิบ การเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกระบวนการผลิตให้หลากหลาย เช่น การต่อยอดธุรกิจจากผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้ การผลิตน้ำมันเมล็ดในปาล์ม ซึ่งบริษัทเชื่อว่ายังมีโอกาสเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและการทำกำไร เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนได้ในอนาคต

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 มี.ค. 67)

Tags: , , ,
Back to Top