Binance TH ประกาศกร้าวขึ้น No.1 ของไทยภายในปี 68 พุ่งเป้า Trading Volume-ยอดผู้ใช้งานสูงสุด

นายนิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด (Gulf Binance) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าให้ Binance TH ขึ้นเป็นอันดับ 1 แพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและคริปโทเคอเรนซีในประเทศไทย ภายในปี 68 ซึ่งจะมี Trading Volume และจำนวนผู้ใช้มากที่สุด โดยมาจากการเร่งบุกตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสร้างระบบนิเวศ Blockchain และ Web3 ให้แข็งแกร่ง และการให้ความรู้ พร้อมกับความร่วมมือจากองค์กร และหน่วยงานภาครัฐต่างๆในการขับเคลื่อนธุรกิจ

Binance TH ได้เข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับภูมิทัศน์ของสินทรัพย์ดิจิทัล ด้วยหลากหลายฟีเจอร์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานของคนไทยโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นความหลากหลายของสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีให้เลือกมากกว่า 120 คู่เหรียญ ซึ่งเป็นจำนวนการให้บริการคู่เหรียญที่มากที่สุดในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย รวมถึงโครงสร้างค่าธรรมเนียมเพียง 0.1% สำหรับการซื้อขายระหว่างคู่ USDT และ 0.25% สำหรับการซื้อขายระหว่างคู่เงินบาทกับสินทรัพย์ดิจิทัล เปิดให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

บริษัทเล็งเห็นการตอบรับเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลของประเทศไทยที่มีความโดดเด่นเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในโลก ซึ่งประเทศไทยมีอัตราการ Adoption ของคริปโทเคอเรนซี และสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นอันดับ 10 ของโลก หรือคิดเป็นสัดส่วน 10% ของมูลค่าทั้งหมด และการเข้ามาของธนาคารพาณิชย์ไทยที่เข้ามาลงทุนในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในตลาด นับเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยผลักดันให้สินทรัพย์ดิจิทัลได้รับการยอมรับแก่ผู้คนในวงกว้างยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกัน Binance TH ได้มีการวางแผนงานในการยึดนวัตกรรมเป็นหลัก เพื่อผลักดันให้เกิดการยอมรับการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศ รวมถึงยกระดับประสบการณ์การซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลของผู้ใช้ชาวไทย ด้วยการนำเสนอคู่เหรียญที่มีความหลากหลายและฟีเจอร์การใช้งานที่ล้ำสมัย รวมถึงการส่งเสริมความรู้ และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลและบล็อกเชน ผ่านโครงการด้านการศึกษาที่เน้นผู้ใช้งานเป็นสำคัญ และสร้างความปลอดภัยและความไว้วางใจในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลให้กับผู้ใช้งาน ซึ่งจะต้องมีการดำเนินงานที่ปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับอย่างเคร่งครัด

“Binance TH ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการกำหนดภูมิทัศน์สินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย นับตั้งแต่วันแรกที่ได้มีการเปิดตัวแพลตฟอร์ม Binance TH เราได้มุ่งมั่นพัฒนาการให้บริการควบคู่ไปกับการกำกับดูแลให้เป็นไปตามกฎระเบียบข้อบังคับ และความร่วมมือระหว่างกันยังสามารถต่อยอดโอกาสใหม่ๆ ซึ่ง GULF สามารถดึง AIS มาช่วยต่อยอด และส่งเสริมและให้ความรู้การใช้สินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยได้ด้วย” นายนิรันด์ กล่าว

นายริชาร์ด เทง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Binance กล่าวว่า บริษัทมองประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญที่มีศักยภาพในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล โดยประเทศไทยมีอัตราการยอมรับให้เกิดการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลมากถึง 10% รวมถึงคนไทยมีความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยี สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว และมีนโยบายรัฐบาลที่ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจ ทำให้ประเทศไทยได้เปรียบและมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง บริษัทจึงมีความมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างและเข้าไปมีส่วนร่วมใน Community ของคนไทยเพื่อต่อยอดความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์อันหลากหลายของสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชน

โดยไม่กี่ปีที่ผ่านมามีเหตุการณ์หลายๆอย่างเกิดขึ้นกับวงการคริปโทเคอเรนซี และก็เริ่มเห็นภาครัฐของหลายประเทศเปิดรับสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น และเริ่มเข้ามากำกับดูแลตลาด จนมาถึงการที่สหรัฐอนุมัติ Bitcoin ETF ซึ่งก็เป็นนิมิตหมายที่ดี ดังนั้นจะเห็นว่าคริปโทเคอเรนซี Blockcahin เป็นเทคโนโลยีที่ปรับตัวได้และมีการเติบโตอยู่เสมอ

“ถ้าจะพูดว่าเทคโนโลยีไหนที่จะมีความสำคัญมากต่ออุตสาหกรรมในอนาคต หรือเป็น Future Economy ที่ทุกคนก็คงจะเห็นว่ามี AI, Blockchain, Web3 ผมจึงเชื่อว่า คริปโทฯจะเข้าสู่กระแสหลักมากขึ้น และการเติบโตของอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลในอีก 5 ปีหลังจากนี้ จะรวดเร็วยิ่งกว่า 5 ปีที่ผ่านมา” นายริชาร์ด กล่าว

สำหรับการเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยโดยความร่วมมือกับ GULF บริษัทมุ่งมั่นปฏิบัติตามกฎระเบียบ และเข้าใจขอบเขตของกฎหมายในแต่ละประเทศที่บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่ ทั้งการติดต่อสื่อสารและให้ความร่วมมือกับหน่วยงานความมั่นคงและหน่วยงานบังคับกฎหมายในระดับโลก ในการตรวจสอบนโยบายบริษัทอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่า Binance และ Binance TH ปฏิบัติตามกฎหมายในทุกประเทศที่เปิดให้บริการ

บริษัทตั้งเป้าหมายผลักดันให้ Binance TH ขึ้นเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอันดับ 1 ในประเทศไทย โดยตั้งเป้าหมายเพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศด้วยการให้ความสำคัญกับผู้ใช้งาน การพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยี และการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมจับมือกับ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ในการผลักดันด้านการลงทุน และผสานระบบนิเวศน์ด้านเทคโนโลยีบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 มี.ค. 67)

Tags: , , , , ,
Back to Top