รองประธานบ.น้ำมันยักษ์ใหญ่รัสเซียเสียชีวิต “อย่างกะทันหัน” จากการฆ่าตัวตาย

สื่อรัสเซียรายงานเมื่อวานนี้ (14 มี.ค.) ถึงการเสียชีวิต “อย่างกะทันหัน” ของนายวิตาลี โรแบร์ตุส รองประธานลูคอยล์ (Lukoil) บริษัทน้ำมันและก๊าซยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย โดยระบุว่า นายโรแบร์ตุสวัย 54 ปี เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายในออฟฟิศของเขาในสัปดาห์นี้

สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ก่อนเสียชีวิตไม่นาน นายโรแบร์ตุสบ่นว่าปวดหัวและขอยาก่อนไปที่ออฟฟิศ ต่อมา มีคนไปพบนายโรแบร์ตุสผูกคอตายในห้องทำงานของเขา

“เขาไม่ออกจากห้องเป็นเวลาหลายชั่วโมงและไม่รับโทรศัพท์ พนักงานจึงตัดสินใจเข้าไปในห้องทำงานและพบศพเขา ผู้บริหารระดับสูงรายนี้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายด้วยการขาดอากาศหายใจ เขาทำงานที่บริษัทมาประมาณ 30 ปี” บาซา (Baza) โพสต์รายงานการเสียชีวิตของนายโรแบร์ตุสบนแอปเทเลแกรม

ตามรายงานของบาซา ลูคอยล์ประกาศการเสียชีวิตของนายโรแบร์ตุสเมื่อวันที่ 12 มี.ค.

เว็บไซต์ euronews รายงานว่า เมื่อเดือนมี.ค. 2565 คณะกรรมการของลูคอยล์เรียกร้องให้มีการยุติความขัดแย้งในยูเครน โดยระบุว่า ทางบริษัทขอแสดง “ความเห็นอกเห็นใจต่อผู้เคราะห์ร้ายทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้” และเรียกร้องให้มีการ “แก้ไขปัญหาผ่านการเจรจาและการทูตอย่างจริงจัง”

ลูคอยล์ซึ่งประมาณการว่าจะผลิตน้ำมันดิบได้ 2% ของโลก ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากมาตรการคว่ำบาตรที่สหรัฐกำหนดต่อรัสเซีย หลังรัสเซียบุกยูเครน

อย่างไรก็ตาม ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานรายนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรป (EU)

ทั้งนี้ นายโรแบร์ตุสเป็นผู้บริหารระดับสูงของลูคอยล์คนที่ 4 และเป็นคนล่าสุดในบรรดาเศรษฐีและมหาเศรษฐีจำนวนมากที่เสียชีวิตกะทันหันอย่างลึกลับ นับตั้งแต่ที่รัสเซียบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565

ก่อนหน้านี้ในเดือนพ.ค. 2565 นายอเล็กซานเดอร์ ซับโบติน อดีตผู้บริหารระดับสูงของลูคอยล์ วัย 43 ปี ถูกพบเป็นศพอยู่ในห้องใต้ดินของบ้านพักแห่งหนึ่งในเมืองมืยทิชชี แคว้นมอสโก โดยคาดว่าเป็นอาการหัวใจวายจากยาเสพติด

ต่อมาในเดือนก.ย. 2565 นายราวิล มากานอฟ อดีตประธานของบริษัทลูคอยล์ เสียชีวิตหลังพลัดตกจากหน้าต่างโรงพยาบาลเซนทรัล คลินิคัลในกรุงมอสโก

จากนั้นในปลายเดือนต.ค. 2566 นายวลาดิมีร์ เนคราซอฟ ประธานคณะกรรมการลูคอยล์ เสียชีวิตในวัย 66 ปี ด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว ตามที่บริษัทระบุ

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 มี.ค. 67)

Tags: , , , ,
Back to Top