CPN เห็นสัญญาณ Traffic พุ่งโค้งแรกมั่นใจทั้งปีโตเข้าเป้า กระตุ้นรัฐลดภาษีแบรนด์เนมดึงดูดช็อปปิ้ง

นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 67 เติบโต 10% จากปีก่อน หลังจากเห็นการกลับเข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้า และการจับจ่ายใช้สอยกลับมาคึกคักมากขึ้น เมื่อผู้คนกลับมาใช้ชีวิตตามภาวะปกติ และมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศมากขึ้น ส่งผลให้ยอด Traffic ศูนย์การค้าเพิ่มขึ้น 20-30% ตังแต่ต้นปี และผู้เช่าในศูนย์การค้ามียอดขายเติบโตขึ้น

อีกทั้งในปีนี้บริษัทมีศูนย์การค้าใหม่เข้ามาเสริม 2 แห่ง ที่นครสวรรค์ และนครปฐม จะเข้ามาสนับสนุนรายได้ โดยเฉพาะรายได้จากค่าเช่าและการให้บริการคาดว่าปี 67 จะเติบโต 6-8%

สำหรับธุรกิจศูนยิการค้ามียอดเข้ามาใช้บริการอย่างคึกคัก โดยเฉพาะช่วงนี้เข้าสู่ฤดูร้อน ทำให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการในศูนย์การของ CPN เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อหลบเลี่ยงอากาศร้อนจัด อีกทั้งยังคงมีการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยผ่านแคมเปญต่างๆ ของทุกศูนย์การค้าในเครือ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง บริษัทเตรียมกิจกรรมอัดแน่น

นางสาวกัลยา กล่าวอีกว่า สิ่งที่อยากให้ภาครัฐในการสนับสนุนและกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในประเทศให้เพิ่มขึ้นและมีความต่อเนื่อง อยากให้มีโครงการซื้อสินค้าและบริการที่นำมาใช้ลดหย่อนภาษีออกมาต่อเนื่องปีละ 2-3 ครั้ง จากที่เห็นในช่วงโครงการ Easy e-reciept ในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.ที่ผ่านมา การจับจ่ายใช้สอยในร้านค้าที่อยู่ในศูนย์การค้ามีความคึกคักมากขึ้น ส่งผลบวกต่อผู้เช่าในศูนย์การค้า ทำให้บริษัทมองว่าเป็นโครงการที่ดีที่อยากให้ภาครัฐมีการผลักดันออกมาเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ยังมองว่าอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยได้ดี คือ การลดอัตราการเก็บภาษีนำเข้าสินค้า โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มแฟชั่น ซึ่งปัจจุบันจัดเก็บภาษีสูงกว่า 30% เมื่อเทียบกับประเทศใกล้เคียงทั้งสิงคโปร์และฮ่องกง หากลดภาษีจะทำให้นักท่องเที่ยวอยากซื้อสินค้าแฟชั่นในไทยที่มีราคาที่ถูกกว่าหรือใกล้เคียงต่างประเทศ ทำให้การจับจ่ายใช้สอยหมุนเวียนในประเทศดีขึ้น ไม่เสียโอกาสจากการท่องเที่ยว รวมถึงคนไทยเองก็สามารถซื้อสินค้าในประเทศได้ในราคาถูกลง ไม่ต้องบินไปซื้อที่ต่างประเทศ

“อยากเสนอแนะให้ภาครัฐมีการทยอยปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าอย่างน้อยครึ่งหนึ่งจากอัตราปัจจุบัน เพื่อดึงดูดให้คนในประเทศและนักท่องเที่ยวซื้อสินค้าในประเทศมากขึ้น ปัจจุบันนักท่องเที่ยวที่จับจ่ายใช้สอยต่อหัวมากที่สุด คือ จีน และรัสเซีย”

ส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรมและการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขายในปี 67 ตั้งเป้าเติบโตมากกว่า 20% ในปีนี้จะมีการเปิดโรงแรมใหม่ที่ระยอง ซึ่งจะมอบหมายให้เชนระดับโลกเข้ามาบริหาร และจะเปิดโครงการที่อยู่อาศัยอีก 10 โครงการ แบ่งเป็น แนวราบ 3 โครงการ และ คอนโดมิเนียม 7 โครงการ

ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ที่ 4.3 พันล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้เข้ามาในปีนี้ราว 75%

ส่วนการเปิดเผยข้อมูล 4 โครงการมิกซ์ยูสใหม่ ต่อจากโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล ปาร์ค จะเปิดเผยข้อมูลในช่วงครึ่งปีหลังนี้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 มี.ค. 67)

Tags: , , ,
Back to Top