นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดฟื้นตัว ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสูงกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อย โดยดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ขยายตัว 3.2% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 3.1% และดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ปรับตัวขึ้น 3.8% สูงกว่าตัวเลขที่นักวิเคราะห์คาดการณ์จากระดับ 3.7% จากระดับ 3.9% ในเดือนม.ค. สะท้อนว่าเงินเฟ้อค่อยๆปรับตัวลง
เงินเฟ้อดังกล่าวส่งผลต่อการคาดการณ์ทิศทางของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมสัปดาห์หน้า ตลาดคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย และจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมิ.ย. เช่นเดิม ขณะที่ดอกเบี้ยปลายปีกลับมาใกล้เคียงกับที่เฟดคาดที่ระดับ 4.75%
ขณะที่ปัจจัยในประเทศติดตามประเด็นการเมือง หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเอกฉันท์เสนอเรื่องพร้อมความเห็นศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกลที่เสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และใช้เป็นนโยบายในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ทั้งนี้มองว่าประเด็นดังกล่าวมีผลต่อตลาดหุ้นในช่วงนี้จำกัด เมื่อเทียบกับเหตุการณ์ยุบพรรคอนาคตใหม่ในอดีต ที่การตอบสนองของ SET Index ช่วงระหว่างรอคำตัดสินแกว่งตัวในช่วง 0.1% – 1.4% มองว่าประเด็นดังกล่าวคงไม่สร้าง Sentiment เชิงลบ ทำให้ภาพรวมตลาดหุ้นไทยวันนี้ฟื้นตัวได้
โดยให้กรอบดัชนีแนวรับ 1,375 จุด และแนวต้าน 1,390 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (12 มี.ค.) ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 39,005.49 จุด เพิ่มขึ้น 235.83 จุด หรือ +0.61%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,175.27 จุด เพิ่มขึ้น 57.33 จุด หรือ +1.12% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,265.64 จุด เพิ่มขึ้น 246.36 จุด หรือ +1.54%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 39,059.95 จุด เพิ่มขึ้น 262.44 จุด หรือ +0.68% ส่วนดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 17,059.11 จุด ลดลง 34.39 จุด หรือ -0.20% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,053.34 จุด ลดลง 2.60 จุด หรือ -0.07%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (12 มี.ค.) ที่ 1,379.63 จุด ลดลง 0.60 จุด (-0.04%) มูลค่าซื้อขาย 40,987.46 ล้านบาท
– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 74.70 ล้านบาท (12 มี.ค.)
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. (12 มี.ค.) ลดลง 37 เซนต์ หรือ 0.47% ปิดที่ 77.56 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (12 มี.ค.) อยู่ที่ 6.05 เหรียญ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 35.73 อ่อนค่ารับดอลลาร์แข็งค่าหลัง CPI สหรัฐสูงกว่าคาดหนุนเฟดไม่เร่งลดดบ.
– เอกชนวิ่งวุ่นหาวิธีลดค่าไฟฟ้า หลังคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน มีแนวโน้มตรึงราคาค่าไฟฟ้า ไว้เท่าเดิมที่ 4.18 บาท โดยยักษ์ค้าปลีกค้าส่ง “แม็คโคร-โลตัส-เซ็นทรัล” โรงเหล็กระดมติดตั้งแผงโซลาร์หันมาผลิตไฟเอง โรงสีข้าวใช้ช่วงเวลาทอง Off-Peak เร่งสีข้าวเปลือกตอนกลางคืน มีผลค่าไฟถูกลงร้อยละ 30 ขณะที่โรงงานอายิโนะโมะโต๊ะสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลลดซื้อไฟ 40% โรงยางพาราใช้ไบโอแก๊สเข้าช่วย ด้าน ส.อ.ท.วอนรัฐตรึงค่าไฟยังไม่พอขอทบทวนลดราคาเหลือ 4-4.10 บาท/หน่วย
– วีซ่าฟรีไทย-จีนหนุนคนไทยแห่เที่ยวนอก เผยตัวเลขคนไทยเที่ยวจีนเพิ่ม 3 เท่าตัว บริษัททัวร์เอาต์บาวนด์คึกคักแพ็กเกจเที่ยวจีนช่วงวันหยุดสงกรานต์ขายล่วงหน้าเกลี้ยง ชี้กระแสตอบรับดีเกินคาด ฝั่งจีนไกด์ไม่พอ โรงแรมเริ่มแน่นมั่นใจไตรมาส 3 นี้ตัวเลขไปจีนพุ่งแซงหน้าญี่ปุ่น “การบินไทย-แอร์เอเชีย” ขยับเพิ่มไฟลต์รองรับ ผลสำรวจพบ “เสฉวน-ยูนนาน-ปักกิ่ง-หูหนาน-เซี่ยงไฮ้” ท็อป 5 เดสติเนชั่นฮอตฮิต ราคาแพ็กเกจแค่ 2-3 หมื่นบาท
– “แบงก์ชาติ” เอาจริง สั่งแบงก์ เร่งส่งแผนออกผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ภายในไตรมาส 2 ปี 67 พร้อมแผนเกี่ยวกับ transition plan สำหรับปี 2568 เพื่อช่วยหนุนธุรกิจเปลี่ยนผ่านไปสู่ “ความยั่งยืน” อย่างน้อย 1 เซกเตอร์ หวังช่วยธุรกิจเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
– ครม.ไฟเขียวเก็บภาษีโทเคน 15% จากกำไรการขาย เก็บรอบเดียวไม่ต้องรวมรายได้ประจำปี เพื่อลดการซ้ำซ้อนการระดมทุนเช่นเดียวกับสินทรัพย์อื่นๆ รองรับการระดมทุนกว่า 1.85 หมื่นล้านบาทในปีนี้ บิตคอยน์’แตะ 72,313.90 ดอลลาร์
– กกต. มีมติเอกฉันท์ ยื่นศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคก้าวไกล เหตุมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่ากระทำการล้มล้างการปกครอง กรณียกเลิกมาตรา 112 ใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง คาดใช้เวลาร่างคำร้องเร็วสุด 2 วัน ช้าสุดไม่เกิน 1 สัปดาห์ “ไอติม” ยันมีแผนรับมือทุกฉากทัศน์อยู่แล้ว ไม่อยากให้การยุบพรรค กลายเป็นค่านิยมของสังคม เปิด 10 รายชื่อ ถูกตัดสิทธิการเมือง หากถูกยุบพรรค มีคนดังเพียบ “พิธา-ชัยธวัช-ปดิพัทธ์-อมรัตน์-เบญจา” ด้าน “สมชัย” ฟันธงศาลตัดสิน พ.ค. แนวโน้มข่าวร้าย แนะเตรียมรั้ง สส. ให้มากที่สุด
หุ้นเด่นวันนี้
– WHA (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 5.40 บาท มี Sentiment บวกจากข่าวก.พาณิชย์สหรัฐและคณะผู้บริหารระดับสูงของภาคเอกชนจะเดินทางเยือนประเทศไทย 13-14 มี.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อกระชับความร่วมมือด้านการผลิตและห่วงโซ่อุปทานกับทั้งสองประเทศเป็นบวกต่อกลุ่มนิคมฯ
– XPG (อินโนเวสท์เอกซ์) เป็นหนึ่งในตัวแทนที่ได้ประโยชน์จาก Crypto ที่ปรับขึ้นและทุกธุรกิจยังเติบโตได้ โดยรายได้ดอกเบี้ยคาดเติบโตจากธุรกิจปล่อยสินเชื่อ, รายได้จากค่าธรรมเนียมคาดโตเด่นจากธุรกิจ Digital Asset ทั้งเทรด Crypto และทำ ICO ขณะที่ AMC มีโอกาสได้มูลหนี้เพิ่ม คาดปี 2567 รายได้และกำไรสุทธิทำนิวไฮ
– KCG (ฟินันเซีย ไซรีส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 12 บาท คาดกำไรปี 2567 จะมีลุ้นทำ New High ต่อเนื่อง บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2567 เติบโต double-digit เน้นขยายลูกค้า B2B และ B2C กลุ่มลูกค้ารายใหญ่ การออกสินค้าใหม่ ส่งออกและขายออนไลน์เพิ่มขึ้น ส่วน Gross Margin น่าจะยืนที่ 30% จากรายได้ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบโดยรวมยังทรงตัวและส่วนใหญ่ล็อกราคาไว้แล้ว โมเมมตัมรายได้ 1QTD ยังโตดี y-y และมี gross margin ยังยืนสูง ขณะที่ครึ่งปีหลังปี 674 SG&A มีแนวโน้มลดลงจากโครงการ logistic park ที่จะเริ่มดำเนินงาน ระยะยาวมีแผนขยายกำลังผลิตเนยอีก 25% คาดเสร็ไตรมาส 2/68 คงคาดกำไรสุทธิปี 67 +14y-y ราคาหุ้นปัจจุบันเทรด PE ต่ำเพียง 14 เท่า แนวรับ 9-8.90 บาท แนวต้าน 9.35/ 9.50-9.60 บาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 มี.ค. 67)
Tags: SET, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย