นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) เปิดเผยถึงทิศทางดำเนินงานปี 67 บริษัทคาดว่าผลประกอบการจะทำ New High ได้ หรือรายได้เติบโตอย่างน้อย 10% จากการรับรู้รายได้โครงการ Big Lot ที่ประมูลได้มาเมื่อปี 66 รวมทั้งการร่วมทุนกับบริษัทในเครือของกองทุน Actis Energy Fund 5 ซึ่งมีแผนการขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าในอนาคต เตรียมประมูลงานใหม่เข้าพอร์ต หนุนรายได้ปี 69 ทะลุ 15,000-16,000 ล้านบาท เติบโตแบบก้าวกระโดด
โดยโครงการใหม่ที่ชนะประมูล ประกอบด้วย พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานแสงอาทิตย์ร่วมกับระบบเก็บพลังงานและสำหรับขยะอุตสาหกรรม จำนวน 19 โครงการ กำลังผลิตติดตั้งรวม 361 เมกะวัตต์ กำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวม 185.50 เมกะวัตต์ ซึ่งในงบลงทุนในการติดตั้งโครงการดังกล่าวประมาณ 12,000 ล้านบาท คาดทยอย COD ตั้งแต่ปี 69 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ในปี 67 บริษัทฯ ยังมีแผนเข้าประมูลขายไฟฟ้า ในส่วนของพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิตติดตั้งประมาณ 3,600 – 5,000 เมกะวัตต์ ของภาครัฐ โดยตั้งเป้าว่าจะประมูลได้ไม่น้อยกว่า 10% ของกำลังการผลิตทั้งหมด ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตตามปริมาณเสนอขายตาม PPA ที่ 2,369.79 เมกะวัตต์ COD ไปแล้ว 1,626.11 เมกะวัตต์ โดยพลังงานลมในเวียดนามจะทยอย COD ตั้งแต่ปีนี้ถึงปี 68 ประมาณ 171 เมกะวัตต์
และปีนี้คาดว่าจะเห็นรายได้จากการขาย I-REC หรือใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน เพิ่มขึ้นจากปี 66 จากแนวโน้มราคาที่สูงขึ้น โดยตั้งเป้ายอดขายประมาณ 70-100 ล้านบาท รวมทั้งพยายามสร้างพื้นที่ในการซื้อขาย (Market Place) เพื่อซื้อขาย Carbon Credit คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปีนี้
ด้านธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบเอกชน (Private PPA) ปีนี้ตั้งเป้าขายเพิ่มอีก 20 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีขนาดกำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าประมาณมากกว่า 10 เมกะวัตต์ ในพื้นที่มหาวิทยาลัย ธุรกิจเกษตร ธุรกิจอาหารสัตว์ ซึ่งปีนี้จะมีการขายเพิ่มให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตที่เป็นบริษัทญี่ปุ่น
นอกจากนี้บริษัทคาดว่าภายใน 2-3 ปีข้างหน้าเทรนด์พลังงานหมุนเวียนจะเติบโตสูงมากทั้งในไทยและเวียดนาม จากการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ รวมทั้งมาตรการ CBAM และ Net Zero ที่ทำให้ผู้ประกอบการต้องพิจารณาด้านพลังงานหมุนเวียนเป็นหนึ่งในเงื่อนไขในการลงทุน ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีโดยเฉพาะในไทย เนื่องจากเวียดนามยังมีข้อจำกัดภายในประเทศ
ด้านธุรกิจจำหน่ายน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค บริษัทได้เพิ่มทุนจดทะเบียนในบริษัทซุปเปอร์ วอเตอร์ จำกัด ซึ่งปีที่ผ่านมาบริษัทได้ผลิตน้ำและขายให้กับการประปา และขายน้ำดิบ เนื่องเกิดสถานการณ์เอลนีโญทำให้มีความต้องการใช้น้ำสูง บริษัทจึงมีแผนที่จะลงทุนเพิ่มเติมเพื่อซื้อบ่อน้ำเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า โดยปัจจุบันบริษัทขายน้ำในพื้นที่นิคม 2 แห่งและขายให้การประปาที่ชลบุรี 3 แห่ง เป็นการเพิ่มต่อยอดรายได้และขยายธุรกิจ
นอกจากนี้ในปี 67 มองว่าแนวโน้มผลกระทบจากเอลนีโญยังคงอยู่ ซึ่งจะมีการลงทุนเพิ่มเติมทั้งการซื้อบ่อน้ำเพิ่มและขยายกำลังการผลิต คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้น 10% จากปี 66 ซึ่งอยู่ที่ 28.36 ล้านบาท นอกจากนี้ความต้องการใช้น้ำในพื้นที่ชลบุรีและระยองยังสูงอยู่ต่อเนื่อง บริษัทจะมุ่งเน้นขยายธุรกิจในพื้นที่ดังกล่าว และในสมุทรสาครที่ได้ขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับลูกค้า
ขณะที่ราคาหุ้นที่ปรับตัวลง นายจอมทรัพย์ กล่าวว่าไม่ทราบสาเหตุ แต่คาดว่าจะเกิดจากประเด็น MSCI Rebalance ทำให้กองทุนมีการขายออกและอาจมีความกังวลประเด็นหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในเดือนเม.ย. จำนวน 1,500 ล้านบาทและเดือน พ.ย. อีก 1,500 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีกระแสเงินสดเพื่อรองรับในการจ่ายแล้ว อย่างไรก็ตามมองว่าราคาหุ้นปัจจุบันที่ปรับตัวลงเป็นโอกาสในการลงทุน นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะซื้อหุ้นคืนซึ่งจะมีการเสนอต่อคณะกรรมการบริหารและผู้ถือหุ้นในช่วงไตรมาส 2/67
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 มี.ค. 67)
Tags: SUPER, จอมทรัพย์ โลจายะ, ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น, หุ้นไทย