TCMC คาดปี 67 พลิกกำไรทุกกลุ่มธุรกิจแม้ยังเผชิญความท้าทายหลายมิติ มองหาโอกาสต่อยอดธุรกิจใหม่

นางสาวปิยพร พรรณเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น (TCMC) กลาววา ผลการดำเนินงานในปี 66 ตอกย้ำได้เป็นอย่างดีว่าบริษัทยังคงมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตระยะยาว แม้ต้องเผชิญกับปัจจัยภายนอก อาทิ เงินเฟ้อ เศรษฐกิจถดถอย ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ โดยเรามองว่าในปี 67 ยังคงเป็นปีแห่งความท้าทายในหลากหลายมิติ แต่ TCMC มั่นใจว่าจะยังคงรักษาความเป็นผู้นำในตลาดและส่วนแบ่งทางการตลาดตลอดจนศึกษาและมองหาโอกาสในการต่อยอดธุรกิจใหม่

รวมถึงการขับเคลื่อนองค์ไปสู่ความยั่งยืนผ่านโครงการต่างๆ ที่ได้ดำเนินการอยู่ โดยได้กำหนดเป้าหมายการเป็นองค์กรปล่อยก๊าซเรือนกระจก สุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emissions) ภายในปี ค.ศ.2050 หรือ พ.ศ.2593 เพื่อร่วมกันสร้างการเติบโตและก้าวสู่การเป็นองค์กรชั้นนำที่ให้ความสำคัญกับทุกห่วงโซอุปทานทางธุรกิจอย่างรอบด้านที่ยั่งยืน

สำหรับผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทในปี 66 มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการรวม 8,006.32 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่รายได้ 9,066.57 ล้านบาท หรือคิดเป็นลดลง 11.69% ปัจจัยมาจากความต้องการซื้อ ลดลงจากช่วงการเติบโตสูงในช่วงล็อกดาวน์จากโควิดสำหรับกลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์

แต่กลุ่มธุรกิจวัสดุตกแต่งพื้นผิวมีคำสั่งซื้อสูงขึ้น โดยหัวใจสำคัญมาจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวทำให้ภาคบริการอย่างธุรกิจโรงแรม โรงภาพยนตร์ ศูนย์ประชุม และธุรกิจ MICE กลับมาคึกคักอีกครั้ง การเพิ่มไลน์สินค้า ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจดังกล่าวมีผลกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่องสูงสุดในรอบ 5 ปี

ขณะที่กลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มเบาะรถยนต์มีแนวโน้มคงที่ ทำให้ภาพรวมของการดำเนินธุรกิจตลอดปี 66 มี EBITDA จำนวน 596.22 ล้านบาท ซึ่งสูงขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 5.22% และมีผลประกอบการเป็นกำไรสุทธิ 81.62 ล้านบาท โดยคิดเป็นกำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ 50.25 ล้านบาท

“เมื่อดูจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ถดถอย ทั้งเงินเฟ้อ การปรับตัวของอัตราดอกเบี้ย ตลอดจนความไม่แน่นอนจากความขัดแย้งระหว่างประเทศในหลายๆ พื้นที่ และราคาน้ำมันที่ผันผวน ภาพรวมการดำเนินงานนับได้ว่ามีการบริหารจัดการและสามารถปรับตัวได้ดี ซึ่งรายได้หลักยังคงมาจากกลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ในประเทศอังกฤษ แม้ในขณะนี้จะเผชิญกับความต้องการซื้อลดลงจากช่วงการเติบโตสูงสุดในช่วงล๊อคดาวน์จากโควิด ในส่วนของกลุ่มธุรกิจวัสดุตกแต่งพื้นผิว (TCM Surface) มีรายได้จากการขายและบริการเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าวันนี้ภาคการท่องเที่ยวกลับมาคึกคักอีกครั้ง และคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสำหรับกลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มเบาะรถยนต์แม้การเติบโตจะอยู่ในระดับคงที่ แต่จากการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้าหรือ EV ก็บ่งชี้ให้เห็นถึงโอกาสในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาด ถือได้ว่ากลุ่มธุรกิจดังกล่าวยังมีแนวโน้มที่ดี

โดยภาพรวมบริษัทยังคงมีความมั่นใจที่จะรักษาความเป็นผู้นำในตลาดได้ อีกทั้งยังพร้อมขับเคลื่อนและมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการต่อยอดทางธุรกิจ ผนวกกับการนำแนวคิด ESG มาบริหารจัดการทั้งองคาพยพเพื่อเดินหน้าธุรกิจไปสู่ความยั่งยืนอย่างสอดรับกับโมเดลเศรษฐกิจใหม่จากภาครัฐ” นางสาวปิยพร กล่าว

กลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ (TCM Living) รายได้อยู่ที่ 4,597.13 ล้านบาทโดยลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 5,970.14 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 23 เป็นไปตามที่คาดการณ์ เนื่องจากตลาดชะลอตัวและการปรับอัตราดอกเบี้ยของประเทศอังกฤษ ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น แต่ทว่าท่ามกลางความท้าทายนี้กลุ่มธุรกิจยังคงสามารถทำอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นได้เป็น 18.91% จากปีก่อนทำได้ 14.54% ถึงแม้จะมีคำสั่งซื้อลดน้อยลง โดยสาเหตุหลักมาจากการปิดโรงงาน J28 ในช่วงไตรมาสแรกของปี 66 ทำให้ค่าใช้จ่ายลดลง

นอกจากนี้ ในปี 65 ยังมีรายได้พิเศษจากการขายกิจการ Arlo & Jacob ในช่วงไตรมาสแรกของปี มีค่าใช้จ่ายการขายและบริหารรวมกันเป็นจำนวน 796.02 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าปีก่อน แต่ยังคงต่ำกว่าที่ฝ่ายบริหารคาดการณ์ไว้ จากผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ถือได้ว่าสะท้อนการดำเนินงานของบริษัทที่สามารถบริหารจัดการได้ดีท่ามกลางความท้าทายนี้

ด้านกลุ่มธุรกิจวัสดุตกแต่งพื้นผิว (TCM Surface) ตลอดปี 66 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 2,588.92 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อนที่ 2,273.37 หรือคิดเป็น 13.88% โดยมีปัจจัยหนุนที่สำคัญจากการฟื้นตัวของตลาดท่องเที่ยวและโรงแรมซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของธุรกิจ และแม้ว่าบริษัทจะเผชิญกับความท้าทายทั้งผลกระทบจากค่าขนส่ง ค่าแรง และราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้นจากสภาพตลาด แต่บริษัทได้มีการปรับราคาสินค้าให้สอดคล้องกัน และปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้กลุ่มธุรกิจสามารถทำอัตรากำไรขั้นต้นได้ 41.34% สูงกว่าปีก่อนที่ทำไว้ 37.73%

พร้อมกันนี้บริษัทยังได้เดินหน้าส่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ “RT Acoustic” เข้าสู่ตลาดและได้ผลตอบรับที่ดี ผนวกกับการบริหารจัดการภายใน การปรับโครงสร้างการทำงาน และใช้เทคโนโลยีใหม่มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในด้านการดำเนินงาน ส่งผลให้ภาพรวมเมื่อหักค่าใช้จ่ายส่วนกลาง ต้นทุนทางการเงิน ที่เพิ่มสูงขึ้นจากการปรับอัตราดอกเบี้ยและภาษี ทำให้กลุ่มธุรกิจมีผลกำไรสุทธิ 76.12 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนคิดเป็น 177.56% เป็นผลกำไรที่สูงที่สุดในรอบ 5 ปี ของกลุ่มธุรกิจ

ขณะที่กลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มเบาะรถยนต์ (TCM Automotive) ในปี 66 สามารทำยอดขายได้ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้านี้ที่ 820.27 ล้านบาทโดยลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนที่ 823.05 ล้านบาทหรือคิดเป็น 0.34% และสามารถทำอัตรากำไรขั้นต้นได้ 22.41% ซึ่งสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนที่ทำได้ 21.78% โดยมีปัจจัยบวกมาจากการขายสินค้ากลุ่มพรมรถยนต์ได้มากขึ้น ที่สามารถทำอัตรากำไรได้สูงกว่าสินค้าประเภทผ้าหุ้มเบาะหรือ PU, PVC รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ทำให้ต้นทุนลดลง อย่างไรก็ดี ทางกลุ่มบริษัทมีการบริหารจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารให้ลดลง มีการควบคุมค่าใช้จ่ายให้รัดกุมมากขึ้น

สำหรับสภาพคล่องทางการเงินของกลุ่มบริษัทโดยรวมยังอยู่ในสภาพที่ดีสามารถชำระหนี้เงินกู้ธนาคารคืนล่วงหน้า ทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงจาก 2.19 เท่า ณ วันสิ้นปี 65 เป็น 1.92 เท่า ณ วันสิ้นปี 66 กลุ่มบริษัทมีสินทรัพย์รวมและหนี้สินรวม ณ วันที่ 31 ธ.ค.66 ลดลง จากวันสิ้นปี 65 คิดเป็น 6.72% และ 10.63% ตามลำดับ และมีส่วนของผู้ถือหุ้น เพิ่มขึ้น จากวันสิ้นปี 65 คิดเป็น 1.83%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 มี.ค. 67)

Tags: , , ,
Back to Top