BAFS วอนรัฐทบทวนภาษีน้ำมัน หนุนไทยสู่ “ฮับการบินโลก”

ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ (BAFS) เปิดเผยว่า บาฟส์ ในฐานะผู้ให้บริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบครบวงจรตามมาตรฐานสากล มีความยินดีที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับการยกระดับอุตสาหกรรมการบินของไทย พร้อมผลักดันแผนการพัฒนาศักยภาพของประเทศไทยทุกมิติสู่การเป็น ศูนย์กลางการบินของภูมิภาค (Aviation Hub) พร้อมตั้งเป้าหมายพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้ติด 1 ใน 20 ของโลก

โดยบทบาทหลักของบาฟส์ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา คือ การส่งเสริมให้ตลาดการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานเป็นไปอย่างเสรี เพื่อให้สายการบินต่าง ๆ ที่ใช้บริการในท่าอากาศยานหลักของไทย สามารถเลือกซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจากผู้ค้าน้ำมันที่มีคุณภาพและได้รับการยอมรับ ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนเชื้อเพลิงของสายการบินลดลง และได้รับบริการที่มีความปลอดภัยมากขึ้น จึงมั่นใจว่า จะสามารถตอบรับแผนการพัฒนาท่าอากาศยานในอนาคต เพื่อยกระดับให้ท่าอากาศยานของไทยเป็นที่ยอมรับในระดับโลก และทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคต่อไปในอนาคต

“การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน สำหรับเส้นทางในประเทศ เป็นปัจจัยที่กระทบต่อการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบินภายในประเทศ โดยจากข้อมูลล่าสุด จำนวนเที่ยวบินภายในประเทศลดลงถึง 2.9% ภายหลังมาตรการปรับภาษีน้ำมันเครื่องบินเมื่อปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อราคาตั๋วเครื่องบินในประเทศ และเป็นอุปสรรคในภาพรวมของทั้งอุตสาหกรรมการบินในประเทศ และภาคการท่องเที่ยวโดยเฉพาะเมืองรอง ที่ไม่สามารถเติบโตได้มากเท่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งขัดแย้งกับนโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่กำลังเดินหน้าขับเคลื่อนให้ไทยเป็น ศูนย์กลางการบินระดับโลก (Aviation Hub) ในระยะยาว” ม.ล.ณัฐสิทธิ์ กล่าว

ทั้งนี้ บาฟส์ เชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการบินที่สำคัญของโลก ตามวิสัยทัศน์ของรัฐบาล และเชื่อมั่นในการสร้างความยั่งยืนในอุตสาหกรรมการบิน ด้วยการส่งเสริมการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน SAF (Sustainable Aviation Fuel) ในประเทศ โดย บาฟส์ ได้เตรียมความพร้อมในเรื่องนี้มาโดยตลอด ร่วมกับพันธมิตรสำคัญ คือ กลุ่มบางจาก และมิตรผล รวมถึง เตรียมความพร้อมด้านการให้บริการ และตรวจสอบคุณภาพ เพื่อให้มั่นใจ ได้ว่า SAF ที่ บาฟส์ ให้บริการจะมีความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล พร้อมให้บริการแก่สายการบินต่าง ๆ นำพาภาคอุตสาหกรรมการบินรุดหน้าสู่ธุรกิจที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 มี.ค. 67)

Tags: , , , , ,
Back to Top