หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งในกรอบ 1,360-1,380 จุด จับตาประชุมใหญ่ทีมเศรษฐกิจจีน

นักวิเคราะห์ฯ ระบุตลาดหุ้นเช้านี้คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบแนวรับ 1,360 จุดและแนวต้าน 1,380 จุด โดยต้องติดตาม 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ แนวโน้มกำไรต่อหุ้นของตลาดหุ้นไทยปีนี้ หลังจากผ่านมา 2 เดือนติดลบประมาณ 3% ทำให้ยังขาด Momentum เชิงบวก และติดตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากการประชุมทีมเศรษฐกิจจีน ขณะที่ค่าเงินบาทยังกดดัน Fund Flow

นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าทีมกลยุทธ์การลงทุน บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดแกว่งในกรอบแนวรับ 1,360 จุด และแนวต้าน 1,380 จุด โดยมีประเด็นที่ต้องติดตาม 2 ประเด็นหลัก ประกอบด้วยแนวโน้มกำไรต่อหุ้น (EPS) ของตลาดหุ้นไทย หลังจากผ่านมา 2 เดือนของปี 67 EPS ติดลบประมาณ 3% ขณะที่การขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) มีโอกาสปรับคาดการณ์ลง ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังขาด Momentum ในเชิงบวก

สิ่งที่ต้องติดตามต่อคือการประชุมใหญ่ของทีมเศรษฐกิจจีนจะมีนโยบายการการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมามากน้อยแค่ไหน ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่า ยังเป็นปัจจัยกดดันต่อ Fund Flow ของต่างชาติ

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (1 มี.ค.) ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 39,087.38 จุด เพิ่มขึ้น 90.99 จุด หรือ +0.23%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,137.08 จุด เพิ่มขึ้น 40.81 จุด หรือ +0.80% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 16,274.94 จุด เพิ่มขึ้น 183.02 จุด หรือ +1.14%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 16,629.55 จุด เพิ่มขึ้น 40.11 จุด หรือ +0.24% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,026.61 จุด ลดลง 0.41 จุด หรือ -0.01% ขณะที่ ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 40,201.76 จุด เพิ่มขึ้น 290.94 จุด หรือ +0.73%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (1 มี.ค.) ที่ 1,367.42 จุด ลดลง 3.25 จุด (-0.24%) มูลค่าซื้อขาย 49,556.62 ล้านบาท
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 863.62 ล้านบาท (1 มี.ค.)
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. (1 มี.ค.) พุ่งขึ้น 1.71 ดอลลาร์ หรือ 2.19% ปิดที่ 79.97 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้นมากกว่า 4.5% ในรอบสัปดาห์นี้
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 มี.ค.) อยู่ที่ 7.23 เหรียญ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.81 แข็งค่าหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐกดดอลลาร์อ่อนค่า
  • ทีมกรุ๊ปคาดการณ์แล้งนี้ให้ระวังอุณหภูมิพุ่งทะลุ 40-45 องศา เหตุภาวะเอลนีโญ “ฝนน้อยน้ำน้อย” ยังคงอยู่ไปจนถึงเดือนพฤษภาคม อ่างขนาดเล็กน้ำจะระเหยเร็ว ต้องหาแหล่งน้ำขนาดใหญ่สำรองไว้ ด้านชาวนาแห่ปลูกข้าวนาปรังทะลุเกินกว่า 8 ล้านไร่ ให้เตรียมเงินสูบน้ำเข้านาไว้ได้เลย พบ 5 เขื่อนหลักน้ำน้อย “สิริกิติ์-ทับเสลา-กระเสียว-คลองสียัด-ปราณบุรี”
  • นายกรัฐมนตรีปั้นไทยเป็นศูนย์กลางการบิน อัพเกรดสนามบินเมืองหลัก เมืองรอง ปลดล็อกสุวรรณภูมิ-ดอนเมือง เพิ่มเทอร์มินอล-รันเวย์รับนักท่องเที่ยว 200 ล้านคน ตั้งเป้าติดท็อป 20 โลก ปั้นการบินไทยเป็นอันดับ 3 ของเอเชีย ปักหมุดสนามบินอันดามัน-พัฒนาสนามบินกลางทะเล รับ-ส่งผู้โดยสารไฮโซเชื่อมเกาะสมุย-เกาะช้างและหัวหิน
  • รายงานจากกระทรวงพาณิชย์ ว่า การขาดดุลการค้ายังเป็นปัญหาใหญ่ของเศรษฐกิจไทย โดยปี 66 ไทย ขาดดุลการค้า 5,192 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 199,000 ล้านบาท เพราะมีมูลค่านำเข้าสูงกว่าส่งออก ซึ่งมูลค่านำเข้าอยู่ที่ 289,754 ล้านเหรียญ แต่ส่งออก 284,561 ล้านเหรียญ โดยประเทศไทยที่ขาดดุลการค้ามากที่สุดคือจีน ที่ไทยขาดดุลถึง 36,635 ล้านเหรียญ หรือ 1.4 ล้านล้านบาท จากการที่ไทยนำเข้าจากจีน 70,800 ล้านเหรียญ แต่ส่งออกไปจีนได้เพียง 34,164 ล้านเหรียญ
  • “นิด้าโพล” เผย ปชช.ยก “ทักษิณ” ทรงอิทธิพลทางการเมือง “พิธา” น่าเห็นใจ “เศรษฐา” เผย “ทักษิณ” ยังไม่ได้บอกจะเป็นที่ปรึกษา ขอรักษาตัว-อยู่กับครอบครัวก่อน ย้ำโอเพ่นอดีตนายกฯ ให้คำแนะนำ

*หุ้นเด่นวันนี้

  • WHA (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 4.75 บาท) ราคาหุ้นปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก ในขณะที่กำไรไตรมาส 4 และภาวะอุตสาหกรรมยังคงดีอยู่ บริษัทเปิดเผย presale ปี 2566 ที่ 2.77 พันไร่ และตั้งเป้าปี 2567 ที่ 2.28 พันไร่ และขายทรัพย์เข้ากอง WHART และ WHAIR รวมที่ 2.13 แสนตร.ม. บริษัทรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/66 ที่ 2.4 พันล้านบาท (-15% YoY, +288% QoQ) เป็นไปตามตลาดคาด โดยหักกำไร FX จะทำให้กำไรปกติอยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท (-8% YoY, +339% QoQ) เราคาดกำไรปกติปี 2567 ไว้ที่ 4.6 พันล้านบาท (+4% YoY) จากยอด presale ที่สูง 2.25 พันไร่ (สูงสุดในรอบ 10 ปีรองจากปี 2566) และยอด transfer ที่ยังสูง 2.1 พันไร่ หนุนโดยการสนับสนุนลงทุนในไทย, China relocation และการพัฒนาไทยเป็น EV hub ตามมาตรการ 30@30
  • IVL (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า IAA Consensus 27 บาท ได้ Sentiment บวกโดยตรงจากดัชนี Global PMI ภาคการผลิตเดือน ก.พ.ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 50.3 จาก 50 ในเดือน ม.ค. นับเป็นการปรับขึ้นเหนือระดับ 50 เป็นครั้งแรกในรอบ 18 เดือน
  • KTC (ไอร่า)”ทยอยซื้อสะสม” เป้าหมาย 45.25/47.00 บาท มองราคา KTC ปรับตัวลงรับปัจจัยลบไปค่อนข้างมากแล้ว ขณะที่รอปัจจัยบวกที่จะเข้ามาในระยะถัดไปอาทิ 1.) สินเชื่อจะฟื้นตัวขึ้นหากเศรษฐกิจฟื้นตัว 2.) คาดวัฏจักร NPL เข้าใกล้ช่วง Peak แล้ว 3.) ลุ้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ 4.) ดอกเบี้ยนโยบายผ่านจุด Peak ไปแล้ว ขณะที่ราคา ณ.ปัจจุบันเทรดเพียง Fwd PB ค่าเฉลี่ย 3 ปี 1.5 S.D. ทำให้เรามองว่า KTC มี Downside ค่อนข้างจำกัด ทางเทคนิค ราคาแกว่งตัวออกด้านข้างไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่ในภาพระยะสั้นพยายามฟื้นตัวขึ้นพร้อมปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น ขณะที่เครื่องมือทางเทคนิค MACD และ SSTO ให้สัญญาณซื้อ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 มี.ค. 67)

Tags: , ,
Back to Top