บมจ.ซาฟารี เวิลด์ (SAFARI) ขอขยายเวลาแก้ไขคุณสมบัติเพื่อกลับมาเทรดในตลาดหลักทรัพย์ได้ออกไป 1 ปีเป็นวันที่ 31 มี.ค.68 เนื่องจากผลประกอบการในปี 66 ยังมีผลขาดทุนถึง 462.58 ล้านบาท เพราะสถานการณ์การท่องเที่ยวในภูเก็ตฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้บริษัทยังมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนในการขอนำหุ้นกลับมาซื้อขายได้ภายในวันที่ 1 เม.ย.67
SAFARI ระบุว่า บริษัทได้กลับมาเปิดให้บริการ ซาฟารี เวิลด์ ในรูปแบบปกติสัปดาห์ละ 6 วัน รวมถึงบริษัทย่อยทั้ง 2 แห่ง คือ ภูเก็ต แฟนตาซี และ คาร์นิวัล เมจิก ก็ได้เปิดให้บริการแล้ว แต่ยังเปิดเพีงแห่งละ 3 วันต่อสัปดาห์ เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าภูเก็ตยังมีไม่มาก
เม้ว่ารายได้รวมของบริษัทในปี 66 จะทำได้ 644.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 65 ที่มีรายได้ 238.17 ล้านบาท หรือสูงขึ้นถึง 406.41 ล้านบาท หรือ 170% แต่บริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายในด้านค่าเสื่อมราคาสูง เนื่องจากคาร์นิวัลเมจิก เป็นปาร์คเปิดใหม่ จึงส่งผลให้บริษัทย่อยมีผลขาดทุนจำนวนมาก และสะท้อนมายังการเงินรวมของกลุ่มซาฟารี เวิลด์ ให้มีผลขาดทุน
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าทิศทางรายได้ในปี 67 จะดีขึ้นตามลำดับ เนื่องจากตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.นี้ ประเทศไทยจะฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวตีนและประเทศอื่น ๆ ที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลัก อาทิ รัสเซีย อินเดีย เป็นต้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อสถานการณ์การท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้นต่อไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 มี.ค. 67)
Tags: SAFARI, การท่องเที่ยว, ขาดทุน, ซาฟารี เวิลด์, ตลาดหลักทรัพย์, ภูเก็ต