ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 100 จุด ขณะที่นักลงทุนขายลดความเสี่ยง ก่อนการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในคืนนี้
ณ เวลา 18.10 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 133 จุด หรือ 0.34% สู่ระดับ 38,860 จุด
วันนี้เป็นการซื้อขายวันสุดท้ายของเดือนก.พ. ซึ่งเป็นเดือนที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น 2.1% นับตั้งแต่ต้นเดือนก.พ. และมีแนวโน้มทำสถิติปรับตัวขึ้น 4 เดือนติดต่อกันเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2564 ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq พุ่งขึ้น 4.6% และ 5.2% ตามลำดับ
ทั้งนี้ ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.4% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 2.6% ในเดือนธ.ค.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PCE ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. จากระดับ 0.2% ในเดือนธ.ค.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน คาดว่าปรับตัวขึ้น 2.8% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 2.9% ในเดือนธ.ค.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนม.ค. จากระดับ 0.2% ในเดือนธ.ค.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ก.พ. 67)
Tags: ดาวโจนส์ฟิวเจอร์, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก, ตลาดหุ้นสหรัฐ