นางสาวรุ่งรัตน์ วีระภาคย์การุณ กรรมการผู้จัดการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่า แนวโน้มการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยในช่วงต้นปี 67 ค่อนข้างเงียบแหงา จากสถานการณ์ดอกเบี้ยที่ยังสูง และ GDP ของไทยปี 66 ที่ออกมาเติบโตต่ำกว่า 2% สะท้อนภาพเศรษฐกิจไทยอ่อนแอลง และมีโอกาสที่ถูกปรับลดประมาณการ GDP ในปี 67 ลงได้ แม้ว่าแนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น จะเป็นนัยที่ดี และมีแรงผลักดันการลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มเติม แต่เศรษฐกิจภายในประเทศกลับอ่อนแอลงตามเศรษฐกิจโลกหลายแห่ง ซึ่งสะท้อนถึงความไม่แน่นอนจากปัจจัยต่างๆที่มีอยู่
โดยแนวโน้มต้นปี 67 ตลาดคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองจะมีความเคลื่อนไหวมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคอนโดมิเนียม ระดับลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ที่มียูนิตจำนวนน้อยกว่า โดยหลายโครงการจะมีจำนวนต่ำกว่า 100 ยูนิต จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองในประเทศ และเป็นบ้านหลังที่สองสำหรับผู้ซื้อชาวต่างชาติ คาดว่าจะเห็นการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองจะสูงกว่าในปี 66 แต่จะเห็นการเปิดตัวคอนโดมิเนียมดังกล่าวส่วนใหญ่ในครึ่งปีหลังของปี 67
ขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบแม้ว่ายังมีความคึกคักในการที่มีดีมานด์เข้ามาต่อเนื่อง แต่การเปิดตัวโครงการบ้านจะน้อยลงในปี 67 เนื่องจากผู้พัฒนาโครงการคำนึงถึงซัพพลายที่เพิ่มขึ้น และนโยบายการให้สินเชื่อของธนาคารที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับทั้งสินเชื่อโครงการและสินเชื่อรายย่อย แนวโน้มจึงจะเน้นไปที่ตลาดที่อยู่อาศัยระดับบน ช่วงระดับราคา 15-30 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง
อย่างไรก็ตามมี สิ่งที่น่าจับตามอง คือ โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสานขนาดใหญ่ (Mix Used) จำนวนมากที่กำลังดำเนินอยู่ และอีก 2 โครงการจะแล้วเสร็จในปีนี้ เนื่องจากอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โครงการเหล่านี้จะกำหนดมาตรฐานใหม่ของความเป็นเลิศในด้านการออกแบบและการพัฒนาสำหรับพื้นที่อยู่อาศัย พื้นที่ทำงานและพื้นที่เพื่อความบันเทิงในประเทศไทย
ด้านอาคารสำนักงานคาดว่าปี 67 จะยังได้รับโมเมนตัมจากปี 66 โดยบริษัทหลายแห่งกำลังพิจารณาการย้ายไปยังอาคารสำนักงานแห่งใหม่ในกรุงเทพฯ ส่วนอาคารเดิมที่ได้รับการดูแลอย่างดีผ่านการซ่อมแซมปรับปรุงใหม่ให้มีมาตรฐานระดับสูงจะสามารถรักษาจำนวนผู้เช่าบางส่วนไว้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่ไม่มีนโยบายการทำงานแบบไฮบริด ในขณะที่บริษัทอื่นๆจะตัดสินใจย้ายเมื่อพวกเขาได้รับผลประโยชน์ที่น่าดึงดูดจากเงื่อนไขการเช่าจากผู้ให้เช่าที่ต้องการเพิ่มอัตราการเช่าสำนักงาน
ส่วนพื้นที่ค้าปลีก ซึ่งอุตสาหกรรมค้าปลีกกลับมามีชีวิตชีวาเต็มที่ พร้อมต้อนรับลูกค้าให้กลับเข้าไปใช้บริการที่หน้าร้าน โดยที่ศูนย์การค้าหลายแห่งได้รับการปรับปรุงใหม่ รวมถึงการเปิดตัวโครงการใหม่ การเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อห้างสรรพสินค้าใจกลางกรุงเทพฯ และคาดว่าจะมีร้านค้าปลีกเพิ่มมากขึ้นในปี 67 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโครงการแบบมิกซ์ยูส
พื้นที่อุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ ในปีที่ผ่านมาถือเป็นปีที่คึกคักอีกปีหนึ่งของภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะยอดการขายที่ดินเพื่อการอุตสาหกรรม แต่มีปัจจัยเกี่ยวกับความล่าช้าของการดำเนินการขออนุมัติด้านสิ่งแวดล้อมและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานให้เสร็จสิ้นสำหรับเฟสเพิ่มเติมของนิคมอุตสาหกรรมที่มีอยู่แล้ว หรือนิคมอุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการสร้างยอดขาย ซึ่งผู้พัฒนาโครงการจะต้องมุ่งเน้นในเร่งรัดจุดนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการที่ต้องการได้รับประโยชน์จากนโยบายบีโอไอ และตอบสนองให้ทันต่อการย้ายฐานการผลิตออกนอกประเทศจีน
ด้านธุรกิจโรงแรม เปิดฉากปี 65 อย่างมีนัยที่ดี และในปี 66 ก็มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 150% ต่อปี แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวยังไม่กลับมาเท่ากับปี 62 แต่ในปี 66 โรงแรมในกรุงเทพฯ สามารถทำสถิติใหม่จากตัวชี้วัดประสิทธิภาพหลักในด้านอื่น ด้วยอัตราเฉลี่ยรายวันเพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับตัวเลขสูงสุดในปี 61 และยังมองว่าธุรกิจโรงแรมในปี 67 ยังเป็นไปในทิศทางที่ดี แม้ว่าการเปิดตัวโรงแรมใหม่จะทำให้ตลาดยังคงมีการแข่งขันที่สูง แต่ด้วยอานิสงส์จากรัฐบาลที่กำลังทำงานอย่างหนักในการดำเนินนโยบายเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะเป็นปัจจัยที่หนุนต่อธุรกิจโรงแรมในประเทศไทย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ก.พ. 67)
Tags: CBRE, รุ่งรัตน์ วีระภาคย์การุณ, อสังหาริมทรัพย์