นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งงบลงทุนในช่วง 5 ปี (ปี 67-71) ที่ 1.26 แสนล้านบาท ซึ่งสูงกว่างบลงทุนในช่วง 5 ปีก่อนที่ใช้ไป 1 แสนล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีความมั่นใจมมากขึ้นในการเดินหน้าลงทุน จากภาพรวมของการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจที่กลับมาฟื้นตัวขึ้นได้ดี หลังจากโควิด-19 ประกอบกับการที่บริษัทมีกระแสเงินสดที่มาจากการดำเนินงานของสินทรัพย์ในกลุ่มของ AWC โดยเฉพาะในส่วนของโรงแรมที่สร้างรายได้เข้ามามากขึ้น ทำให้บริษัทมีความพร้อมในการเดินหน้าการลงทุนใหม่ๆเพิ่มเติมและมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อสร้างการเติบโตและต่อยอดธุรกิจของ AWC เพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยว นักเดินทาง และกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ทั้งในและต่างประเทศ ที่กลับมาเข้ามาเดินทางท่องเที่ยว และทำธุรกิจในประเทศไทย
โดย AWC มีความสามารถในการจัดหาเงินทุน (Debt Capacity) ที่แข็งแกร่งพร้อมสนับสนุนการลงทุนของทางบริษัทได้โดยไม่ต้องทำการเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้น เพื่อเร่งขยายพอร์ททรัพย์สินคุณภาพเพิ่มขึ้นอีกกว่า 2 เท่าตัวภายในระยะเวลา 5 ปี ในจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย ภายใต้แนวทางในการดำเนินงานที่ประกอบด้วย การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ระดับแฟลกชิปในรูปแบบของ AWC’s Lifestyle & Workplace Destinations ที่เชื่อมต่อประสบการณ์ของทั้ง โรงแรม อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า หรือคอมมูนิตี้มอลล์ เข้าด้วยกันเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าอย่างครอบคลุมทั้งในด้าน Attraction, Food & Beverage และ Lifestyle Market ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำระดับโลก ด้วยการผสานจุดแข็งของ AWC กับเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจชั้นนำจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ โครงการ Weng Chinatown Destination โครงการ Aquatique Destination โครงการ Asiatique District และโครงการ Lannatique Destination
สำหรับในปี 67 บริษัทวางงบลงทุน 1.7 หมื่นล้านบาท ล่าสุด AWC คณะกรรมการบริษัทเห็นชอบให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติ เพื่อเข้าลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์คุณภาพบนพื้นที่ระดับไพรม์โลเคชั่นใน 2 จุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวสำคัญของกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ ประกอบด้วย การเข้าลงทุนในโครงการ โอพี การ์เด้น ย่านบางรัก เพื่อเชื่อมกับโครงการแฟลกชิป โรงแรม เดอะ พลาซ่า แอทธินี โนบุ โฮเทล แอนด์ สปา แบงคอก ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ส่งเสริมจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวริมสายน้ำ คาดว่าจะเปิดดำเนินการในไตรมาส 4/70 และโครงการโรงแรม ที่สุขุมวิท 38 ซึ่งเป็นย่านไลฟ์สไตล์สุดเทรนดี้ของกรุงเทพฯ เพื่อพัฒนาโครงการโรงแรมด้านเวลเนส คาดว่าจะเปิดดำเนินการช่วงไตรมาส 3/71
รวมถึงการเข้าลงทุนเพิ่มในพื้นที่ช้างคลานใจกลางจังหวัดเชียงใหม่ ที่จะได้รับการพัฒนาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “Lannatique Destination” ระดับเมกะโปรเจคในอนาคตของทางบริษัทฯ เพื่อร่วมสร้างคุณค่าและสนับสนุนจังหวัดเชียงใหม่เป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก รวมมูลค่าการลงทุนและเข้าพัฒนาโครงการทั้งในกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ที่จะนำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น
ขณะที่โครงการที่เปิดใหม่ในปี 67 ที่จะเข้ามาเสริมการสร้างรายได้เพิ่มเติมให้กับ AWC มี 3 โรงแรมใหม่ที่เปิดให้บริการในปีนี้ ได้แก่ แฟร์มอนท์ แบงคอก สุขุมวิท, โรงแรมพัทยา แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา และโรงแรมระดับลักซ์ชูรี ไลฟ์สไตล์ ในพัทยา ที่จะเปิดให้บริการในช่วงปลายปี 67 รวมถึงธุรกิจบริการด้านไลฟ์สไตล์ที่จะทยอยเปิดให้บริการในปี 67 คือ การเปิดตัว “The Journey of A River ” by The Okura Prestige Bangkok ที่จะมาร่วมสร้างประสบการณ์ใหม่ของการรับประทานอาหารอันมีเอกลักษณ์บนสายน้ำเจ้าพระยาเชื่อมต่อประสบการณ์ภายใต้แนวคิด “The Journey of A River”
อีกทั้งยังมีการเปิดพื้นที่ใหม่ภายในอาคารสำนักงานตึกเอ็มไพร์ สาทร ตามแผนการพัฒนาเพื่อเสริมจุดหมายปลายทางด้านไลฟ์สไตล์ให้กับกลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงาน ได้แก่ การเปิดให้บริการพื้นที่ด้านไลฟ์สไตล์ใหม่ในอาคารเอ็มร์ สาทร เช่นโครงการ EA Rooftop at The Empire จุดหมายปลายทางด้านอาหารและเครื่องดื่มบนรูฟทอปที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกที่ประกอบไปด้วยEA Gallery แหล่งรวมร้านอาหารนานาชาติชั้นนำมากมายกับทัศนียภาพที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ EA CHEF’S TABLE แหล่งรวมร้านอาหารโดยเชฟระดับมิชลินสตาร์จำนวน 3 แห่ง และห้องอาหาร Nobu Bangkok แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย และยังเป็นห้องอาหาร Nobu ที่สูงและใหญ่ที่สุดในโลก
นอกจากนี้ยังมีการเปิดโครงการ THE PANTIP LIFESTYLE HUB ในวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา ภายใต้แนวคิด “EVERY HAPPINESS FOR EVERYONE” เพื่อสร้างแลนด์มาร์คสำหรับกิจกรรมความสนุกหลากหลาย ศูนย์รวม Food Lounge ในบรรยากาศธรรมชาติ และแหล่งไลฟ์สไตล์สำหรับครอบครัว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Lannatique Destination ที่จังหวัดเชียงใหม่ การเปิดโครงการ AEC FOOD WHOLESALE PRATUNAM และการเปิดโครงการ AEC TRADE CENTER ประตูน้ำพระอินทร์ ภายในปี 67
จากการที่มีการเปิดให้บริการโครงการใหม่ๆ ที่ AWC ได้พัฒนาขึ้นมาในช่วงที่ผ่านมา ผนวกกับปัจจัยหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน และมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศอย่างคึกคัก ทำให้แนวโน้มภาพรวมผลการดำเนินงานของ AWC ในปี 67 จะเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1.9 หมื่นล้านบาท และมีกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ (New high) ในปี 66 ที่ 5.1 พันล้านบาท โดยที่ปัจจัยหนุนหลักยังคงมาจากธุรกิจโรงแรมที่ยังมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPar) และอัตราค่าห้องพัก (ADR) ที่ยังเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อนที่ 3,658 บาท/ห้อง และ 5,661 บาท/คืน ตามลำดับ และจะเพิ่มกำไรจากการดำเนินงานรวมทุกกลุ่มธุรกิจ (EBITDA) ของ AWC ให้สูงกว่าปีก่อนที่ 1.06 หมื่นล้านบาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ก.พ. 67)
Tags: AWC, วัลลภา ไตรโสรัส, หุ้นไทย, แอสเสท เวิรด์ คอร์ป