HL เดินหน้าขยายสาขา-ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ วางเป้ารายได้ปีนี้โตกว่า 10%

นายธัชพล ชลวัฒนสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เฮลท์ลีด (HL) เปิดเผยว่าทิศทางการดำเนินงานปี 2567 กลุ่มบริษัท HL ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน โดยตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 10% จากปีก่อน มาจากการเติบโตจากยอดขายสาขาเดิม (SSSG : Same Store Sales Growth) และยอดขายจากสาขาใหม่ที่จะเพิ่มขึ้น 20 สาขาในปีนี้ ภายใต้แบรนด์ ร้านขายยา iCare, Pharmax, vitaminclub และ Super Drug ส่งผลให้ปี 2567 บริษัทฯ จะมีสาขารวม 70 สาขาทั่วประเทศ

ขณะเดียวกัน ในไตรมาส 1/67 กลุ่มบริษัท HL ยังได้รับผลดีจากมาตรการ Easy E-Receipt ที่ประชาชนสามารถซื้อสินค้าและบริการเพื่อนำมาลดหย่อนภาษีปี 2567 (ยื่นปี 2568) ได้สูงสุด 50,000 บาท โดยซื้อสินค้าหรือบริการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2567 กับร้านค้าที่สามารถออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Tax Invoice ได้เท่านั้น ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะสนับสนุนให้ผลดำเนินงานกลุ่มบริษัท HL เติบโตในทิศทางที่ดีเช่นเดียวกัน

รวมถึงในปี 2567 กลุ่มบริษัท HL วางแผนเพิ่มอัตรากำไร (Margin) เป็นไม่ต่ำกว่า 23% จากปัจจุบันอยู่ที่ 22% ด้วยการปรับรูปแบบการขายสินค้าให้รัดกุม รวมทั้งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนาสินค้านวัตกรรมสูงกว่า 10 รายการ ปัจจุบันเริ่มวางตลาดแล้ว เช่น สเปรย์สลายกลิ่นเอนกประสงค์ รวมทั้งนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์เข้ามาจำหน่าย เป็นต้น

สำหรับผลการดำเนินงานปี 66 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวม จำนวน 1,659.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.87% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,538.21 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขาย จำนวน 1,635.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.64%

ทั้งนี้ ปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานยังอยู่ในทิศทางที่ดี เนื่องจากกลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์สามกลุ่มที่มีสัดส่วน 84.95% ของรายได้จากการขายงวดปัจจุบันเพิ่มขึ้นทุกรายการ ได้แก่ กลุ่มยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพิ่มขึ้น 15.06%, กลุ่มสินค้าสุขภาพภายนอกร่างกายเพิ่มขึ้น 16.14% และกลุ่มสินค้าบริโภคเพิ่มขึ้น 28.18% โดยในปี 2566 กลุ่มบริษัทฯ HL เปิดสาขาร้านขายยาใหม่ทั้งสิ้น 14 สาขา ภายใต้แบรนด์ร้านขายยา iCare, Pharmax, vitaminclub และ Super Drug ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2566 มีจำนวนสาขารวม 50 สาขา

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ก.พ. 67)

Tags: , , ,
Back to Top