นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) กล่าวว่า แผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 67 จะมุ่งเน้นการจัดการเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน สร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน ลดภาระหนี้ พัฒนาสินค้ารูปแบบใหม่ และการดำเนินงานเพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับวางเป้าหมายยอดขายในปี 67 ที่ 2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นเป้าหมายยอดขายของ PF ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท และเป้าหมายของ บมจ.แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ 6 พันล้านบาท และวางเป้ารายได้รวมปี 67 ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท
ขณะที่การเปิดโครงการใหม่ในปี 67 วางแผนเปิด 7 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 7.7 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 5 โครงการ มูลค่า 6.29 พันล้านบาท ทาวน์โฮมและอาคารพาณิชย์ 2 โครงการ มูลค่า 1.41 พันล้านบาท เป็นแนวราบทั้งหมด โฟกัสกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบน โครงการไฮไลท์ได้แก่ “เพอร์เฟค เพลส ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์” ซึ่งเป็นการกลับมาสานต่อความสำเร็จของแบรนด์เพอร์เฟค เพลสในโซนกรุงเทพตะวันตกที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญและได้รับการตอบรับอย่างดีมากว่า 20 ปี และ “วาวิล่า” โครงการบ้านเดี่ยว 3 ชั้นจับกลุ่มลักซ์ชัวรี่เพิ่มเติมในทำเลกรุงเทพกรีฑา
บริษัทยังมีการขยายโครงการในทำเลใหม่ ได้แก่ “โมดิ วิลล่า สถานีคูคต” เป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดทำเลใกล้สถานีรถไฟฟ้าที่มีศักยภาพการเติบโตสูง บริษัทยังเน้นการพัฒนารูปแบบสินค้าทั้งบ้านเดี่ยวในโครงการเพอร์เฟค เพลส และ เพอร์เฟค พาร์ค ที่ปรับเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ เพิ่มฟังก์ชั่นและขยายพื้นที่ใช้สอย รวมถึงการกลับมารุกตลาดทาวน์โฮม 3 ชั้นอีกครั้งด้วย “เดอะ เมทโทร” ทาวน์โฮมที่ปรับโฉมใหม่ให้สวยงามเรียบง่ายในสไตล์มินิมอลลิสต์
ปัจจัยหนุนกลุ่ม PF ยังมาจากธุรกิจโรงแรมที่เห็นการเติบโตขึ้นอย่างชัดเจน โดยปี 67 วางเป้าหมายรายได้ธุรกิจโรงแรมไว้ที่ 3.25 พันล้านบาท เติบโต 22% จากปีก่อน รับอานิสงส์การท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก และการที่ภาครัฐกระตุ้นการท่องเที่ยว ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยต่อเนื่อง โดยปี 67 คาดว่าโรงแรมในเครือจะมีกำไรและอัตราค่าห้องพัก (ADR) เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโรงแรมในหัวหินและปราณบุรี 2 แห่ง ที่คาดว่าปีนี้กำไรและค่าห้องพักจะกลับเท่าช่วงก่อนโควิด ส่วนโรงแรมในกรุงเทพทั้ง 3 แห่ง ADR และกำไรได้กลับมาสูงกว่าก่อนโควิด-19 ไปตั้งแต่ปลายปีก่อนแล้ว ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนต่อธุรกิจโรงแรมได้ดี
อย่างไรก็ตาม ในสถาการณ์ที่มีความผันผวนอยู่บริษัทจะเดินหน้าวางแผนลดภาระหนี้ของกลุ่ม PF ภายในปีนี้ (ปี 67-69) ให้ลดลงรวม 1.1 หมื่นล้านบาท โดยในปี 67 จะลดภาระหนี้ลง 7 พันล้านบาท ส่วนใหญ่จะมาจากการขายโรงแรมในกรุงเทพฯออกไปอย่างน้อย 1 แห่ง มูลค่าราว 5 พันล้านบาท จากที่มี 3 แห่ง ได้แก่ Westin สุขุมวิท, Royal Orchid Sheraton และ Hyatt Regency สุขุมวิท
ขณะนี้มีนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่สนใจเข้ามาเจรจาซื้อแห่งละ 2-3 ราย ซึ่งปีนี้มองว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการเริ่มพิจารณาขาย หลังจากธุรกิจโรงแรมกลับมาฟื้นตัวและราคาขายกลับมาสูงขึ้น โดยเฉพาะโรงแรมในกรุงเทพฯ ซึ่งการลดภารหนี้ลงในปีนี้จะส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (Net IBD/E) ของ PF ลดลงในสิ้นปีเหลือ 1 เท่า และในปี 68-69 จะลดหนี้ลงปีละ 2 พันล้านบาท จากการขายที่ดินและเงินคืนจากบริษัทร่วมทุน
“ปีนี้เราไม่เปิดโครงการเยอะมาก เพียง 7 โครงการเท่านั้น เพราะสถานกานณ์ตลาดก็ยังมีความผันผวน ไม่แน่นอนอยู่ การ Raise fund ตลาดหุ้นกู้ก็ทำได้ยาก เราจึงหันมาเน้นการลดภาระหนี้สินเรา ซึ่งทำให้ฐานะการเงินของกลุ่มเพอร์เฟคฯแข็งแกร่งขึ้น” นายวงศกรณ์ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ก.พ. 67)
Tags: PF, พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค, วงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต