นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แสดงความเห็นส่วนตัว ต่อการตัดสินใจเดินหน้า “โครงการดิจิทัลวอลเล็ต” ของรัฐบาลว่า เป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องวิเคราะห์ถึงผลดี-ผลเสีย จากการทุ่มงบประมาณจำนวน 5.6 แสนล้านบาทลงไป โดยต้องคำนึงถึงการรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ มากกว่าผลประโยชน์ในการหาเสียงให้กับพรรคการเมือง
“ถ้ามองผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นเหมือนน้ำตก การเอาเงิน 5.6 แสนล้านมาแจก ก็เหมือนน้ำตกชั้นล่างที่กำลังจะไหลออกไปลงทะเล แต่ถ้าเอาเงินไปลงทุนใน Real Sector ที่อยู่ยอดน้ำตก ก็จะทำให้เกิดประโยชน์ตามมาอีกมาก” นายมนตรี กล่าว
ทั้งนี้ สาเหตุที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้คัดค้านโครงการดังกล่าว ส่วนหนึ่งเป็นความผิดพลาดในเรื่องโครงสร้างภาษี เพราะประชากรทั้งประเทศ 67 ล้านคน จะมีคนที่จะต้องเสียภาษีจริงๆ ราว 5 ล้านคนเท่านั้น จากจำนวนผู้ยื่นภาษีทั้งหมด 15 ล้านคน ดังนั้นทำให้คนส่วนใหญ่ไม่รู้สึกเดือดร้อนหากนักการเมืองนำเงินภาษีไปใช้โดยไม่เกิดประโยชน์คุ้มค่า ซึ่งรัฐควรมีการปรับโครงสร้างการเก็บภาษีให้เกิดความเป็นธรรมและเสมอภาค
“มีหลายเรื่องที่ต้องมีการปรับโครงสร้างกันใหม่ เพื่อให้การพัฒนาเกิดความยั่งยืน” นายมนตรี กล่าว
พร้อมยกตัวอย่าง เช่นเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ที่ขณะนี้ทางกลุ่มเอเปคกำลังจะหยิบยกขึ้นมาพิจารณา โดยพบว่ามีสัดส่วนสูงถึง 45-49% ของจีดีพี ซึ่งคิดว่าประเทศในกลุ่มอาเซียนก็คงมีปัญหาเหมือนกัน แต่การแก้ไขปัญหาคงไม่สามารถดึงเข้ามาเป็นหนี้ในระบบได้ทั้งหมด เพราะในความเป็นจริง คงไม่มีเจ้าหนี้ต้องการแสดงตัว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ก.พ. 67)
Tags: ดิจิทัลวอลเล็ต, มนตรี มหาพฤกษ์พงศ์, รัฐบาล, ส.อ.ท., สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย